tag:blogger.com,1999:blog-53638767134035070702024-03-13T17:17:08.870+07:00The Notebookบันทึกช่วยจำ รอวันหยิบไปใช้
และแบ่งปันให้เพื่อน ๆ umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.comBlogger77125tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-64864881996227012662019-04-26T17:22:00.000+07:002019-04-26T17:00:58.192+07:00Feedback ที่ตรงเป้าและเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://2.bp.blogspot.com/-zAJJ-6V2r7I/XMLCv7pk1dI/AAAAAAAAbN0/qN2DMKxuBikoEQ14nMT8qAT-yAPFGccNQCLcBGAs/s1600/couple.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1068" data-original-width="1600" height="213" src="https://2.bp.blogspot.com/-zAJJ-6V2r7I/XMLCv7pk1dI/AAAAAAAAbN0/qN2DMKxuBikoEQ14nMT8qAT-yAPFGccNQCLcBGAs/s320/couple.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
FeedBack - เป็นเครื่องมือหลักในการบริหารจัดการคน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงหรือส่งเสริมพฤติกรรมบางอย่าง โดยมีหน้าที่ 5 อย่าง<br />
<br />
1. การทำความดี ต้องการการยอมรับ<br />
2. บอกประสิทธิภาพในการทำงาน (performance)<br />
3. ทำให้คนอื่นรู้ว่าใส่ใจ<br />
4. หาทางออกให้พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม<br />
5. เป็นช่องทางในการสื่อสารระหว่างคนในองค์กร<br />
<br />
แบ่งเป็น 2 ประเภท<br />
1. positive feedback<br />
2. corrective feedback - ทำผิดเพราะทำไม ยังไง จะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร<br />
<br />
<b><span style="color: #e69138;">องค์ประกอบของ Feedback ที่ดี</span></b><br />
<br />
1. ความถี่ - บ่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยพิจารณาจากวัฒนธรรมองค์กรและเนื้องาน<br />
- High Dynamic Team = รายสัปดาห์ หรือ 2 สัปดาห์ / ครั้ง<br />
- ลักษณะงานช้า - เดือนละครั้ง<br />
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม - กำหนดเวลาไว้ล่วงหน้า<br />
- On the Spot feedback<br />
- ไม่นานหลังจากเกิดเหตุการณ์<br />
- สถานการณ์ - ควรได้รับการชมเชย<br />
- หากไม่แก้ปัญหาโดยด่วนจะลุกลามใหญ่โต<br />
- เป็นโอกาสที่จะได้พัฒนาทักษะ<br />
- เป็นเรื่องใหม่ที่ต้องการการสื่อสารมาก<br />
- ช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม - คนรับ Feedback ไม่พร้อมที่จะฟัง <br />
- คนให้ Feedback ไม่มีความอดทนพอ หรืองานยุ่งเกินไป<br />
- ไม่มีทางแนวทางที่จะแนะนำ<br />
<br />
2. เป้าหมาย - ต้องการจะเห็นอะไร<br />
- ความเปลี่ยนแปลง - ทักษะของการทำงาน <br />
- วิธีการบริหารเวลา หรือ บริหารงาน <br />
- องค์ความรู้<br />
- ทัศนคติ - เปลี่ยนยาก<br />
- แก้ด้วย protocol ที่กำหนดขึ้น (specific feedback)<br />
<br />
3. ต้องเป็นการสื่อสาร 2 ทางเสมอ<br />
4. ทุกคนเคารพซึ่งกันและกันไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม<br />
<br />
<b><span style="color: #f1c232;">การเตรียมตัวให้ Feedback</span></b><br />
<br />
1. มีข้อมูลให้เยอะที่สุด<br />
2. จดว่าจะพูดอะไร - เพื่อควบคุมประเด็น<br />
3. เตรียมตัวไปฟังด้วย - Brainstrom หาแนวทางแก้ปัญหา<br />
4. มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าคุยเสร็จแล้วจะเอาอะไร<br />
- เป้าหมายระยะสั้น<br />
- เป้าหมายระยะยาว - workflow process<br />
- ต้องมีการติดตามอย่างเป็นรูปธรรม<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://2.bp.blogspot.com/-kchu9xhbaSg/XLmgpTPxWPI/AAAAAAAAbJs/DXkUuLLBAVw3A6yPsiaIkdUU_NQ0NvtpQCPcBGAYYCw/s1600/caution.png" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"> <img border="0" data-original-height="64" data-original-width="64" src="https://2.bp.blogspot.com/-kchu9xhbaSg/XLmgpTPxWPI/AAAAAAAAbJs/DXkUuLLBAVw3A6yPsiaIkdUU_NQ0NvtpQCPcBGAYYCw/s1600/caution.png" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
1. ฟังอย่างตั้งใจ (active lisening) <br />
- เอามือถือไปเก็บ<br />
- อย่าหันไปเช็คอีเมล์<br />
- อย่านั่งเคาะปากกา<br />
2. สังเกตคู่สนทนา<br />
- ภาษากายที่แสดงความไม่พอใจ<br />
- แสดงออกถึงความไม่เข้าใจ<br />
- กลุ่มเงียบ - ให้เวลาคู่สนทนาคิด<br />
- ใช้คำถามปลายเปิดมาก ๆ<br />
- ความอดทนเป็นสิ่งสำคัญ<br />
- กลุ่มหัวร้อน - มีจำนวนเรื่องที่จะพูดไม่มาก (ไม่เกิน 2 )<br />
- พูดชัด ๆ ไปเลยว่าสิ่งเราจะพูดคืออะไร เขียนลงไปในกระดาษ เขียนเหตุผลที่ชัดเจน - ห้ามหัวร้อนตาม<br />
- อย่างน้อยที่สุดต้องตกลงอะไรกันได้บ้าง<br />
- เจ้านาย - ปัญหาเป็นปัญหาจริงหรือไม่ ลองซาวด์เสียงเพื่อนร่วมทีม<br />
- อย่าไปพูดลอย ๆ ไปพร้อมกับข้อพิสูจน์หรือหลักฐาน แต่อย่าใช้เป็นอาวุธ<br />
3. ต้องเช็กให้แน่ใจว่าคุณและคู่สนทนาเห็นภาพเดียวกัน<br />
4. ทำ Action Plan<br />
- ประเด็นที่คุยกันเมื่อกี้คืออะไร<br />
- คนที่รับ feedback จะต้องทำอะไรต่อ โดยเขาต้องรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เขากับคุณตกลงกัน<br />
- บอกว่าพฤติกรรมดังกล่าวทำลายทีมอย่างไร<br />
- พูดให้ตรงประเด็น ชัดเจน พูดด้วยความเคารพ<br />
- ต้องได้ commitment ในการทำอะไรบางอย่าง - สามารถเอาไปติดตามผลในอนาคตได้<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">อ้างอิงข้อมูลจาก</span></b><br />
<br />
1. Podcast <a href="https://thestandard.co/podcast/superproductive06/">กลเม็ดในการให้ Feedback ที่ตรงเป้าและเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย</a> โดย รวิศ หาญอุตสาหะ<br />
<br />
<br />
<br />
<br />umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-91944570425645000512019-04-19T17:34:00.000+07:002019-04-26T15:57:21.136+07:00Coaching ยังไงให้ได้ลูกน้องที่มีประสิทธิภาพ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://4.bp.blogspot.com/-dCxNOKxYpDs/XLmjuaOcjnI/AAAAAAAAbJ0/kmD-fn-JMWINogWNHcFS9RfAhrN2Ntn8wCLcBGAs/s1600/kid%2Bholding%2Bhand.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1040" data-original-width="1600" height="258" src="https://4.bp.blogspot.com/-dCxNOKxYpDs/XLmjuaOcjnI/AAAAAAAAbJ0/kmD-fn-JMWINogWNHcFS9RfAhrN2Ntn8wCLcBGAs/s400/kid%2Bholding%2Bhand.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
การ coaching เป็นหนึ่งในงานของคนที่เป็นหัวหน้า โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะ<br />
ซึ่งประกอบด้วย 3 อย่าง คือ<br />
<br />
1. ปัญหาที่อยากจะโค้ชคืออะไร<br />
2. กระบวนการให้ feedback<br />
3. เชื่อในการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย<br />
<br />
โดยพลิกแพลงให้เหมาะกับลูกน้อง 4 กลุ่ม<br />
<br />
1. unconscious incompetent<br />
- ทำให้ดู แบบดี ๆ ช้า ๆ แล้วอธิบายว่าทำไมถึงทำแบบนั้น<br />
<br />
2. conscious incompetent<br />
- ให้ลูกน้องทำให้ดู แล้วค่อย ๆ บอก หรือ ตั้งคำถามให้คิดเอง<br />
- ในกรณีที่เกือบจะทำได้อยู่แล้ว ต้องค่อย ๆ อธิบายอย่างชัดเจนในจุดที่เป็นปัญหา<br />
<br />
3. conscious competent<br />
- ทำงานได้ดีตามคู่มือ / พลิกแพลงไม่ได้<br />
- ใช้วิธีตั้งคำถามถึงแนวคิดเบื้องหลังของแต่ละขั้นตอน<br />
<br />
4. unconscious competent<br />
- มักจะทำงานเก่งกว่าแบบไม่รู้ว่าทำไปได้ยังไง<br />
- ส่งเสริมในบางจุดที่ยังทำได้ไม่ดี<br />
- สร้างความมั่นใจว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้างาน<br />
<br />
ระยะเวลา<br />
1. ตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้า<br />
2. ตามโอกาส<br />
<br />
<img border="0" src="https://1.bp.blogspot.com/-kchu9xhbaSg/XLmgpTPxWPI/AAAAAAAAbJo/qCLaYtNzi383b99bd4a-RmbURHl6J_o0ACLcBGAs/s1600/caution.png" /><br />
<span style="color: red;"><b>!</b> </span>ไม่สามารถ coach ในสิ่งที่ทำไม่เป็นหรือไม่ยอมทำ เขาต้องเห็นตัวอย่างว่าคุณทำได้จริง<br />
<span style="color: red;"><b>!</b></span> ต้องเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้<br />
<b><span style="color: red;">!</span></b> หากเราไม่ชอบคนที่ต้อง coachong ต้องหามองมุมอื่นเพื่อลดอคติ<br />
<b><span style="color: red;">!</span></b> ต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้<br />
<br />
ตัวอย่าง<br />
? คนไม่เคยยอมรับความผิดของตัวเอง<br />
= ทำให้มีข้อตกลงว่าในอนาคตเราจะเดินไปที่ไหน<br />
? คนไม่มีความมั่นใจ<br />
= อย่างใช้คำชมแบบหลวม ๆ ต้องอ้างอิงแบบเฉพาะเจาะจง<br />
? ไม่เชื่อใช้คนที่กำลัง coach<br />
= สร้างเครื่องมือหรือprocess ใช้ร่วมกัน และเชื่อในสิ่งนั้น<br />
<br />
<b>อ้างอิงข้อมูลจาก</b><br />
1. Podcast <a href="https://thestandard.co/podcast/superproductive05/">วิธี Coaching ที่ทำให้คนพัฒนา และทำงานได้เต็มขีดความสามารถ</a> โดย รวิศ หาญอุตสาหะumakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-49723646785207040132012-11-27T23:48:00.000+07:002012-11-27T23:48:17.450+07:005 Tense ที่ต้องแม่น<div style="text-align: left;">
<b>Present Simple</b></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
Subject + กริยาช่อง 1 (เติม S เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ ยกเว้น I กับ You)</div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
การใช้งาน<br />
<br />
<ol>
<li style="text-align: justify;">ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงตลอดไป หรือเป็นความจริงตามธรรมชาติ สัจธรรม วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์</li>
<li style="text-align: justify;">ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นประเพณี นิสัย สุภาษิต ซึ่งไม่ได้บ่งเฉพาะเจาะจงว่าเวลาใด</li>
<li style="text-align: justify;">ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงในขณะที่พูด เช่น ความชอบ ไม่ชอบ ความสามารถ ความคิดเห็นของคุณและผู้คนที่ยังเป็นจริงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ อาชีพปัจจุบัน</li>
<li style="text-align: justify;">ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งได้ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะปฏิบัติเช่นนั้น (นิยมใช้กับกริยาที่แสดงการเคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง) โดยใส่คำวิเศษณ์ที่บอกเวลาเป็นอนาคตด้วยก็ได้</li>
<li style="text-align: justify;">ใช้กับเหตุการณ์ในประโยค subordinate clause ที่ขึ้นต้นด้วย If, When, whenever, unless, until, till , as soon as, while, before, after, as long as ซึ่งบ่งบอกเวลาเป็นอนาคต</li>
<li style="text-align: justify;">ใช้กับเหตุการณ์ในกรณีสรุปเรื่องที่เล่ามา แม้เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นแล้วในอดีต เพื่อให้เรื่องมีชีวิตชีวา เหมือนเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในปัจจุบัน นิยมใช้ในการเขียนนิยาย บทละคร</li>
<li style="text-align: justify;">การกระทำของกริยาที่ไม่สามารถแสดงอาการให้เห็นได้ เช่น การนึกคิด การรับรู้ ภาวะจิตใจ ความเป็นเจ้าของ</li>
<li style="text-align: justify;">ใช้กับเหตุการณ์ที่บุคคลหรือสัตว์ทำเป็นประจำ หรือเป็นนิสัยเคยชิน โดยมักจะมีคำที่แสดงความถี่อยู่ด้วย</li>
</ol>
<div>
<b>Present Continuous</b></div>
<div>
<b><br /></b></div>
<div style="text-align: center;">
Subject + is, am, are + กริยาเติม ing</div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<ol>
<li style="text-align: justify;">ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังกระทำอยู่ในขณะที่พูด เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่จบ และเป็นเหตุการณ์สั้นๆ ถ้าหากยาวจะใช้ present perfect continuous แทน มักจะมีคำกริยาวิเศษณ์ now , at the present, at this moment, at the present time, these days นำมาใช้เสมอ</li>
<li style="text-align: justify;">ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งคาดว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน มักใช้กับกริยาที่แสดงการเคลื่อนที่ เคลื่อนไหว และจะมีคำบอกเวลาเป็นอนาคตมาร่วมด้วยเสมอ</li>
<li style="text-align: justify;">ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นในระยะยาว ซึ่งขณะที่พูดประโยคนี้ออกไปนั้นไม่จำเป็นต้องกระทำสิ่งนั้นอยู่ก็ได้ แต่ที่แน่ๆในช่วงเวลาอันยาวจะทำสิ่งนั้นอยู่จริงๆ และมักจะมีคำบอกเวลาระยะยาวมากำกับไว้ ได้แก่ this week, this month, this year</li>
<li style="text-align: justify;">ถ้า present continuous 2 ประโยคเชื่อมด้วย and ให้ตัด verb to be ของประโยคที่อยู่หลัง and ออก</li>
</ol>
<div>
<b>Present Prefect</b><br />
<b><br /></b>
<div style="text-align: center;">
Subject + have,has + กริยาช่องที่ 3</div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
</div>
<ol>
<li>ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีต และเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาถึงเวลาปัจจุบัน โดยมี adverb เหล่านี้ประกอบ since, for, so far , up to now , up to present time</li>
<li>ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้ทำซ้ำๆหลายครั้งหลายหนในอดีต และเหตุการณ์ที่ว่าอาจทำต่อไปในอนาคต แต่ไม่บอกว่าทำไปเมื่อไร เวลาเท่าไร มักจะมี adverb เหล่านี้ประกอบ many time, several time, over and over</li>
<li>ใช้ในเหตุการณ์ที่เคยหรือไม่เคยทำในอดีต ซึ่งไม่ได้บ่งบอกเวลาเอาไว้ จะมี adverb เหล่านี้กำกับ never, ever, once, twice</li>
<li>ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ได้เกิดหรือกระทำไปแล้ว แต่ผลของการกระทำนั้นยังประทับใจผู้พูดอยู่</li>
<li>ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเสร็จสิ้น จบลงไปใหม่ๆในเวลาไม่นาน โดยมี adverb เหล่านี้ประกอบ already , just, yet, finally, eventually, recently </li>
</ol>
</div>
<div>
<b>Past Simple</b><br />
<br />
<div style="text-align: center;">
Subject + กริยาช่อง 2</div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
</div>
<ol>
<li>ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ได้เกิดขึ้นและจบลงแล้วก่อนที่จะพูดประโยคนี้ออกมา</li>
<li>ใช้กับการกระทำซึ่งกระทำเป็นประจำในอดีตแต่ปัจจุบันมิได้กระทำการณ์นั้นอีกแล้ว กรณีนี้จะต้อวมี adverb บอกเวลาที่เป็นอดีตมากำกับ adverb บอกความถี่ด้วย</li>
<li>ใช้กับการกระทำในออดีต แสดงลำดับความต่อเนื่องของเหตุการณ์</li>
<li>ใช้กับกริยาในประโยคที่อยู่หลังสำนวนต่อไปนี้ I would rather... , It's time... , It's high time... , It's about time...</li>
</ol>
<div>
<span style="text-align: left;"><b>Future Simple</b></span></div>
</div>
<div>
<br />
<div style="text-align: center;">
Subject + will,shall + กริยาช่อง 1(ไม่ต้องเดิม s)</div>
<div style="text-align: center;">
</div>
<ul>
<li style="text-align: justify;">Shall ใช้กับ subject บุรุษที่ 1 ส่วน Will ใช้กับ Subject บุรุษที่ 2,3 ถ้าใช้สลับกันจะสื่อถึงการให้สัญญา</li>
</ul>
<div style="text-align: justify;">
<ol>
<li>ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งขฯะที่พูดนี้เหตุการณ์หรือการกระทำนั้นยังไม่ทันเกิดขึ้น และมักจะมีคำวิเศษณ์บอกเวลาที่เป็นอนาคตมาร่วมเสมอ</li>
<li>ประโยคแสดงอนาคตที่มีกริยา 2 ตัวให้ใช้ Future simple กับกริยาเพียงตัวเดียว ส่วนอีกตัวหนึ่งให้ใช้ present simple หรือ present perfect tense</li>
</ol>
<div>
กรณีที่ห้ามใช้ going to แทน will, shall</div>
<div>
<ol>
<li>เหตุการณ์ที่เป็นอนาคตอันแท้จริง จะต้องเกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้</li>
<li>ประโยคเงื่อนที่เชื่อมด้วย if</li>
<li>กริยาแสดงการรับรู้</li>
</ol>
</div>
</div>
</div>
</div>
<div>
ที่มา </div>
<div>
สำราญ คำยิ่ง, Advance English grammar for high learner </div>
umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-77122552117941885742012-11-22T15:38:00.000+07:002012-11-22T15:38:27.621+07:00เรียนรู้วิธีใช้มีดกันหน่อย<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-95-Wb48x5fA/UK3kDEQtzSI/AAAAAAAAMXw/MMlCvesyQwg/s1600/lmDqI.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-95-Wb48x5fA/UK3kDEQtzSI/AAAAAAAAMXw/MMlCvesyQwg/s1600/lmDqI.jpg" /></a></div>
<br />umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-63462968726205415542012-11-18T15:36:00.000+07:002012-11-18T15:36:14.019+07:00เทคนิกการควบคุมจิตใจผู้อื่นที่มีการใช้ในสถานการณ์ต่างๆ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-4Q5UaHSeCH4/UKiZHwlYbzI/AAAAAAAAMOU/xl9OD0UIk6w/s1600/MP900443053.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="http://1.bp.blogspot.com/-4Q5UaHSeCH4/UKiZHwlYbzI/AAAAAAAAMOU/xl9OD0UIk6w/s320/MP900443053.JPG" width="320" /></a></div>
<br />
<br />
credit : กระทู้ พวกหลอกลวงคนให้ไปรักษา เขาทำกันอย่างไร... -=Byหมอแมว=- จากห้องหว้ากอ Pantip.com เขียนเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2555<br />
<br />
<br />
<b>1. เคาะประตูบ้าน</b><br /> วิธีนี้คือวิธีที่เราเจอได้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด เพราะมันเป็นจุดแรกที่จะนำพาไปสู่การควบคุมพฤติกรรมของเป้าหมายได้ และหากไม่สามารถจัดการขั้นตอนนี้ได้ ขั้นตอนที่เหลือมักจะไม่ตามมา<div>
<br /></div>
<div>
<u>หาทางเข้า</u> การหาทางเข้าเริ่มต้นมีได้หลายรูปแบบ แต่ว่ารูปแบบที่เหมือนกันคือจะต้องทำให้ผู้ที่เป็นเป้าหมายมีความรู้สึกว่าเค้าสามารถปฏิเสธไม่เข้าร่วมเมื่อไหร่ก็ได้และไม่ได้รู้สึกถูกบังคับ ทั้งนี้ขั้นแรกถือเป็นจุดที่สำคัญมาก เพราะว่าธรรมชาติของมนุษย์คือสัตว์ที่มีความสงสัย และมักจะไม่ลองสิ่งใหม่ๆด้วยความกลัวที่ซ่อนอยู๋ลึกๆ หากมีอะไรมาสะกิดตรงจุดนี้แล้วก็จะไม่กล้าเข้าไปร่วม โดยส่วนใหญ่ของการชักชวนไปรักษาแบบทางเลือกนี้ มักใช้หลักของคนรู้จักกับความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลเป็นหลัก เพราะว่าเรื่องสุขภาพคือสิ่งที่ทุกคนรู้ๆกันอยู่ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ <ul>
<li>ใช้คนรู้จัก : การใช้คนรู้จักมาชักชวนคือหลักการสำคัญของการหลอกรักษาทางเลือก เพราะคนรู้จักมาชวนก็หมายความว่ามีหนูทดลองไปก่อนหน้าคนโดนชวนแล้ว เมื่อเห็นว่ามีคนที่รักษาแล้วรอดมาได้ก็จะบังเกิดความรู้สึกว่าไม่น่าจะอันตรายอะไร นอกจากนี้ความรู้จักจะทำให้คนที่โดนชวนเกิดความเกรงใจและยอมรับฟัง</li>
<li>รายการในเคเบิ้ลทีวี : รายการในเคเบิ้ลทีวีที่เสนอทางรักษาแบบเกินจริงมักมาในแบบที่พ่วงมากับช่องอื่นๆ ตอนแรกเราอาจจะติดกล่องติดจานด้วยอยากดูรายการช่องอื่นแต่มันมีรายการพวกนี้พ่วงมาด้วย และสุดท้ายก็ต้องมีสักวันที่เราลองเปิดเข้าไปดูว่าเค้าพูดอะไรกัน ... การพ่วงแถมรายการเข้ามาคือเทคนิกเคาะประตูบ้านแบบนึง</li>
<li>สร้างความดูดี : เช่น เอานักพูดหรือนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงมาร่วมอีเวนท์ เอาคนที่มีประสบการณ์ในการรักษามาพูดในรายการ ถ่ายรูปความสำเร็จมาโฆษณา </li>
<li>ใช้ศีลธรรม : วิธีนี้มักใช้เในที่สาธารณะเช่นเดินเข้ามาขอเงินบริจาคแล้วยกศีลธรรมมานำ เช่นถือรูปเด็กยากไร้ รูปโลงศพ คนเรามักขี้เกรงใจเมื่ออีกฝ่ายพูดประมาณว่ารู้จักองค์กรหน่วยงานของเขาที่ดูแลผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม และสิ่งที่เค้าขอเราก็คือ "ขอเวลา"</li>
</ul>
<u>ขอเวลา</u> เมื่อหาทางเข้าได้แล้ว สิ่งที่จะทำต่อไปคือ การเข้าไปในชีวิตประจำวันของเป้าหมายครับ โดยจะเริ่มจากการขอเวลาเล็กๆน้อยๆ จากนั้นจะเพิ่มเวลาขึ้นไปทีละนิด อาจจะมีกิจกรรมที่ดึงเราออกมาจากสังคมปกติของเรา ทำเพื่อใส่แนวคิดลงไปในคนที่เป็นเป้าหมาย และที่ทำแบบช้าๆค่อยเป็นค่อยไปก็คือเพื่อให้เป้าหมายไม่รู้สึกว่ามีผลเสียอะไรและหลอกให้รู้สึกว่า "เป็นผู้เลือกและจะหยุดเมื่อไหร่ก็ได้" รูปแบบของการขอเวลา มีหลายแบบ<br /><ul>
<li>พาไปทำกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ เช่นการพาไปทำกิจกรรมทางศาสนาที่คนๆนั้นนับถือ (กรณีหมอพระ ก็เข้าวัด ทำพิธีพุทธ กรณีหมอพื้นบ้านก็ไหว้ครู) หรือร่วมกิจกรรมวิชาการ อันนี้แล้วแต่กลุ่มเป้าหมายคือใคร</li>
<li>ใช้เทคนิกทางการตลาดหรือทางสื่อ เช่นการมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกชิงโชค การจัดรายการให้ดูน่าสนใจมีการร่วมโทรเข้าไปถามคำถามในรายการได้ </li>
</ul>
<u>ปิดประตูตีแมว</u> เมื่อเป้าหมายทนการชักชวนไม่ได้ไม่ว่าจะเกรงใจหรือเริ่มเชื่อ กลุ่มคนที่รักษาจะให้เข้าสู่ขั้นต่อไปคือการพาไปยังสถานที่ที่แยกเป็นสัดส่วนสำหรับการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการพาเข้าวัด การพาเข้าสำนักรักษา หรือการพาไปยังบริษัท และสร้างกำแพงที่มองไม่เห็นเพื่อกักเป้าหมายไว้เช่นการอ้างถึงพิธีกรรม อ้างบุญ กรรม อ้างพระ อ้างพระเจ้า ,การพาไปในกิจกรรมที่ไปกันหลายคนโดยรถรวม (ถ้าจะกลับต้องรอกลับพร้อมกัน) </div>
<br /><br /><b>2. สร้างความเชื่อมั่นด้วยสิ่งที่ดูดี </b><br /> ขึ้นกับว่าคนที่รักษานั้นใช้วิธีไหน <div>
<br /></div>
<div>
ถ้าเป็นกลุ่มที่ใช้ความเชื่อ : ก็จะบอกถึงหลักการและเหตุผล อาจจะพูดถึงเรื่องบุญกรรม อาจจะพูดถึงเรื่องอิทธิปาฎิหารย์ บางครั้งอาจจะสร้างสถานการณ์เช่นเอาคนที่อ้างว่ารักษาหายมาพูดมาคุย หรือไม่ก็รักษาให้เห็นตรงนั้นเลย<br /><br />ถ้าเป็นกลุ่มที่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ : กลุ่มวิทยาศาสตร์เทียมจะอ้างหลักการ อ้างงานวิจัย และอธิบายเหตุผลด้วยศัพท์ที่ทำให้ดูมีเหตุผล และเหมือนกับกลุ่มที่ใช้ความเชื่อคือการหาคนที่น่าเชื่อถือหรือคนที่รักษาหายมาพูด คำพูดที่ใช้มักจะใช้คำว่า ธรรมชาติ องค์รวม ผสมผสาน แต่โบราณ เข้ามาเสริมความน่าเชื่อถือ มีการดิสเครดิตการรักษาแผนปัจจุบันในระดับหนึ่งเช่นกล่าวหาว่าวิธีการรักษานี้ได้ผลดีแต่ที่ไม่มีคนรู้เพราะบริษัทยาจะเสียประโยชน์เลยโดนปิดบัง , เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ต่างชาติ ต้องการทำลายหาประโยชน์เลยปิดบัง<br /><br /><div>
<b>3. ใช้มวลชน</b></div>
<div>
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-OWurOMIKCnU/UKibQki9kiI/AAAAAAAAMOc/ESGZ13rI8VM/s1600/X12719520-4.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="219" src="http://1.bp.blogspot.com/-OWurOMIKCnU/UKibQki9kiI/AAAAAAAAMOc/ESGZ13rI8VM/s320/X12719520-4.jpg" width="320" /></a> ในปี1951มีงานวิจัยที่มีชื่อเสียงของ Solomon Asch เกี่ยวกับเรื่องจิตวิทยามวลชน โดยเขาได้บอกอาสาสมัครว่างานวิจัยนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการรับรู้ ... เมื่ออาสาสมัครเดินทางมาถึงห้องทดลอง ก็จะได้เจอกับคนที่จะต้องทดลองร่วมกันเป็น7คน สิ่งที่อาสาสมัครไม่รู้คือ คน6คนที่มาร่วมทำการทดลอง จริงๆคือหน้าม้าทั้งหมด จากนั้นAschก็จัดให้คนที่ถูกทดลอง ไปอยู่ที่เก้าอี้ตัวที่ 6 จากนั้นก็เอาภาพ2ภาพมาตั้งไว้(รูป) แล้วถามว่าเส้นใดในภาพที่สอง ที่ยาวเท่ากับเส้นในภาพแรก</div>
<div>
<div>
คำตอบนั้นดูง่ายมาก เพราะเมื่อมองแล้วเส้นที่สองตรงกลางดูเท่ากับเส้นในภาพแรกแบบชัดเจน</div>
<div>
เมื่อหน้าม้าคนแรกตอบผิด คุณอาจจะคิดว่าเค้าน่ะผิด</div>
<div>
เมื่อหน้าม้าคนที่สองตอบผิด คุณชักเริ่มแปลกใจว่าทำไมคนตอบผิดเหมือนกัน</div>
<div>
แต่เมื่อหน้าม้าคนที่3-4-5ตอบเหมือนสองคนแรก และตอนนี้คุณต้องตอบแล้วล่ะ ... คุณจะตอบตามคำตอบที่คุณเชื่อ หรือตอบตามที่คนอื่นตอบ ผลการทดลองที่ออกมาน่าแปลกใจอยู่ทีเดียวเมื่อพบว่าคนส่วนใหญ่จะมีคำตอบที่ประนีประนอมกับคนรอบข้างแม้ว่าเราจะเชื่อว่าคำตอบที่เราตอบนั้นผิด </div>
</div>
<div>
หลักการที่เกิดขึ้นในวิธีหว่านล้อมในการรักษาทางเลือกเหล่านี้ ก็คือ การใช้คนจำนวนมากเข้ามา </div>
<div>
<div>
อาจจะเป็นหน้าม้า หรืออาจจะเป็นคนที่มาร่วมกิจกรรมคนอื่นๆ แต่ให้มาทำกิจกรรมตามที่จัดไว้ โดยเมื่อทุกคนทำกิจกรรม ก็จะสังเกตกันและกัน พอเห็นว่าคนข้างๆทำเราก็ทำตาม ทุกคนต่างทำตามสิ่งที่ถูกสั่งมาโดยมองว่าคนอื่นเค้าก็ทำ ซึ่งแม้ว่าช่วงแรกจะสงสัย แต่ว่าเราเห็นคนอื่นทำเราก็จะไม่ค่อยสงสัยอะไรมากและค่อยๆร่วมกันถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆ ลักษณะกิจกรรมที่ใช้เพื่อหลอกให้ถลำลึกเข้าไปนี้ก็จะเป็นกิจกรรมที่มักให้"ทำตามคำสั่ง" โดยพยายามไม่ให้เกิดการซักถามสิ่งต่างๆนอกเหนือไปจากที่กิจกรรมกำหนด เพื่อทำการ"Isolate"หรือแบ่งแยกเป้าหมาย ให้โดดเดี่ยว รู้สึกช่วยเหลือตนเองได้ไม่มาก หากมีใครก็ตามทำท่าจะสงสัยหรือต่อต้าน ก็จะมีการ"ลงโทษ" เช่น ตำหนิต่อหน้าคนอื่นๆ โทษว่าคนที่ไม่ทำตามเป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มไม่ก้าวหน้า ตำหนิว่าการสงสัยเป็นสิ่งที่ทำให้ไม่หายจากโรค หรือในกรณีที่ใช้ศาสนาเข้ามา ก็จะตำหนิว่ากำลังลบหลู่ดูหมิ่นในศาสนา โดยบางครั้งอาจจะมีหน้าม้าหรือคนที่โดนหลอกคนอื่นๆร่วมกดดันหลายๆคน ในทางกลับกัน คนที่ทำตามจะได้รับคำชมเชยหรือการยอมรับจากกลุ่มว่ามาถูกทางแล้ว</div>
</div>
<div>
<br /></div>
<b>4. ก่อนจะได้ผลต้องเจ็บปวดเสียก่อน</b><br /><br /> การหลอกลวงรักษาทางเลือกแบบหลอกลวงนี้ จะขาดเทคนิกนี้ไปเสียไม่ได้ เพราะตรงส่วนนี้คือเทคนิกที่ใช้หากิน คนที่ป่วยแล้วโดนหลอกให้มารักษาจะมีทั้งโรคที่หายเองได้และโรคที่ไม่หายเองถ้าไม่ได้รักษา คนที่หลงเข้ามาตามขั้นที่ 1 - 2 - 3 บางคนหายหลังจากการรักษารอบแรกเพราะโรคมันหายของมันเอง ... กลุ่มนี้จะกลายไปเป็นคนที่ชักชวนคนอื่นให้เข้ามาเพิ่มเติม ทีนี้ย่อมมีบางคนที่ป่วยเป็นโรคที่ไม่มีทางหาย เมื่อเข้ามาในขั้นที่ 1 - 2 - 3 แล้ว เค้าก็ไม่หาย ผู้รักษาก็จะบอกว่าคุณต้องกลับเข้าสู่กระบวนการรักษาใหม่นะ ก็จะกลายเป็นวงจร 1-2-3-2-3-2-3 .... ไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นก็ล้างสมองไป ทำพิธีไป รักษาไป ซึ่งแน่นอนว่าไม่หาย ถ้าหากโดนตั้งคำถามว่าทำไมจึงไม่หายเสียที ถ้าหากเป็นการรักษาด้วยความเชื่อ : ก็ดุว่าทำไมไม่มีความเชื่อ ไม่ศรัทธา ลบหลู่ ถ้าหากเป็นการรักษาด้วยวิทยาศาสตร์เทียม : ก็บอกว่ามันคือเรื่องปกติ ก่อนจะหายอาการจะหนักขึ้น เป็นเพราะการรักษากำลังไปสู้กับโรค เช่นเดียวกัน คนที่ตั้งคำถามว่าทำไมไม่หายจะโดน"ลงโทษ"ด้วยวิธีการทางมวลชน ไม่ว่าจะเป็นการตำหนิต่อหน้าหรือใช้คนหลายๆคนมาว่า </div>
<div>
ลักษณะจะเหมือนกับการเล่นพนัน คือ เราลงทุนไปกับสิ่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนเกิดความรู้สึกว่าเรามาไกลแล้ว ประกอบกันกับมีคนหลายคนที่อยู่รอบๆยืนยันว่าเรามาถูกทางแล้ว และให้ความมั่นใจว่าคนอื่นๆที่ผ่านมาเค้าก็เป็นกันแบบนี้</div>
<div>
ในปี1997 กลุ่ม Heaven's gate ซึ่งประกอบไปด้วยคนที่มีฐานะ คนที่มีความรู้การศึกษาสูงหลายๆคน ถลำเข้าไปในวงจรนี้ ถลำไปจนกระทั่งพวกเขาเหล่านั้นขายบ้าน ขายสินทรัพย์ ลาออกจากงาน เพื่อการเตรียมตัวตายให้วิญญาณไปพร้อมกับยานอวกาศที่พวกเขาเชื่อว่าบินตามหลังดาวหางฌอลบ็อบมา<br />เมื่อคนกลุ่มนี้ไปซื้อกล้องดูดาวเพื่อหวังจะหายานอวกาศขนาดใหญ่ที่บินตามหลังดาวหาง แต่เมื่อส่องดูแล้วไม่เจออะไรนอกจากความว่างเปล่า สิ่งที่ตามมาก็คือพวกเขาเชื่อว่ายานอวกาศมีอยู่จริง แต่กล้องดูดาวต่างหากที่มีปัญหา ... เพราะพวกเขาเดิมพันทุกอย่างที่มีในชีวิตลงไปหมดแล้ว เช่นเดียวกันกับคนที่หลงไปรักษากับหมอทางเลือกจอมปลอมเหล่านี้ เมื่อรักษาไป อาการก็ทรุดลงเรื่อยๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ คนไข้และครอบครัวมองว่าเขาลงทุนมาไกลแล้ว หนำซ้ำยังมีคนรับรองว่านี่คืออาการปกติ แม้ในใจจะไม่เห็นด้วย แต่อีกใจนึงก็จะบอกว่า "เอาน่ะ เอาอีกนิดนึง ไหนๆก็ไหนๆแล้ว"</div>
<div>
</div>
<div>
<div>
<a href="" name="3" style="background-color: #403e68; color: #e0e0e0;"><div align="left">
</div>
</a></div>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<b>อะไรล่ะจะทำให้เรารอดพ้นได้ เพราะการศึกษาไม่ช่วยอะไรอยู่แล้ว </b></div>
<div>
<br /></div>
ในปี 2543 ที่ร้านอาหารแม็คโดนัลที่ตั้งอยู่ในเมืองเคนตั๊กกี้ มีโทรศัพท์จากตำรวจโทรเข้ามาที่ร้านเพื่อให้เจ้าของร้านช่วยเหลือตำรวจในการจับกุมลูกจ้างคนหนึ่งของร้าน ซึ่งต่อมากรณีนี้ได้กลายเป็นกรณีศึกษาอันโด่งดังที่มีพูดถึงในหนังสือจิตวิทยาสังคมจำนวนมาก<br /> เหตุเกิดขึ้นในบ่ายของเดือนเมษายน ตำรวจโทรศัพท์มาหาดอนน่า ซัมเมอร์ วัย51ปี แจ้งว่าลูกจ้างคนนึงในร้านได้ขโมยของของร้านไป โดยตำรวจบอกว่าเขาได้รับแจ้งจากหัวหน้าของดอนน่าอีกที(บอกชื่อได้ถูกต้อง)และยังอ้างไปถึงบริษัทแม็คโดนัลว่าเป็นคนแจ้งมา ...จากนั้นตำรวจก็แจ้งรูปพรรณคนร้ายคร่าวๆซึ่งดอนน่าบอกว่ามีพนักงานคนนึงที่รูปพรรณตรงกันคือแมรี่ จากนั้นตำรวจบอกให้ซูซานไปพาแมรี่มาค้นตัว มิฉะนั้นจะพาตำรวจไปจับแล้วตำรวจจะค้นตัวเอง ทีแรก ซูซานก็ปฏิเสธ แต่หลังจากชักจูงอยู่พักนึงให้เห็นว่าการไปค้นตัวที่สถานีตำรวจที่มีแต่ผู้ชายจะไม่เป็นผลดีต่อแมรี่ที่เป็นผู้หญิงและประวัติจะเสีย ดอนน่าก็ยอมไปพาแมรี่มา หลังจากดอนน่าจับแมรี่ถอดเสื้อผ้าตามคำสั่งของตำรวจจนร่างเปลือยเปล่า จากนั้นก็ทำตามสิ่งที่ตำรวจสั่งไม่ว่าจะให้ยืนแก้ผ้า เอาเสื้อผ้าไปไว้นอกห้อง แล้วล็อคห้อง ... ส่วนแมรี่ที่โดนขุ่ก็กลัวว่าจะโดนจับก็ยอมแต่โดนดี สักพักดอนน่าต้องไปดูแลร้านต่อ ตำรวจก็สั่งให้เธอหาคนมาแทนซึ่งเธอก็โทรไปเรียกวอลเตอร์ นิก คู่หมั้นของเธอให้มาทำหน้าที่ต่อ ... เมื่อวอลเตอร์มาก็ได้รับฟังเรื่องจากแมรี่ ดอนน่า และตำรวจในโทรศัพท์แล้วรับหน้าที่ต่อ หน้าที่ที่ตำรวจให้ทำต่อจากนั้นเข้าข่ายล่วงละเมิดทางเพศที่รุนแรงขึ้นซึ่งทั้งวอลเตอร์และแมรี่ก็ทำตามแม้จะไม่เต็มใจ ในขณะที่ดอนน่าก็เข้ามาดูเป็นระยะๆ ... เหตุการณ์ผ่านไป 4 ชม.จนกระทั่งวอลเตอร์รู้สึกรับไม่ได้ ตำรวจในสายเลยให้วอลเตอร์เลยไปเรียกคนอื่นมา โทมัส ซิมส์ ช่างซ่อมบำรุงวัย 58 ปีเข้ามาแทน ทันทีที่โทมัสเข้ามาในห้องเค้าก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้ผิดปกติ จึงไม่ยอมทำตามสิ่งที่ตำรวจคนนั้นสั่ง และเรียกดอนน่าเข้ามาบอกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมันผิดปกติ ...ตอนนั้นเองดอนน่าเลยลองโทรไปหาหัวหน้า(ซึ่งตำรวจอ้างว่าอยู่ในสายตลอดช่วงเวลา)และได้รู้ความจริงว่าที่จริงหัวหน้าของเธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ส่วนตำรวจปลายสายก็วางสายไป ...ตอนนั้นเองทุกคนเลยรู้ว่านั่นไม่ใช่ตำรวจ ...แล้วจึงโทรแจ้งตำรวจตัวจริงมา<br /> คดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้น70ครั้งใน32รัฐ ... สิ่งที่ทำให้คนเหล่านี้ยอมทำตามคือการอ้างตนว่าเป็นตำรวจ ซึ่งถือเป็นอำนาจรัฐที่เหนือกว่า (ในแง่หมอทางเลือกลวงโลก ก็อาจจะอ้างศาสนา พระ พระเจ้า)<br />สิ่งที่ยุติเหตุการณ์ในกรณีนี้ คือ การที่โทมัส ซิมส์เข้ามา ... สิ่งที่โทมัสต่างจากดอนน่า วอลเตอร์ และแมรี่ก็คือ เขามาเห็นเหตุการณ์ตอนที่ดำเนินไปไกลแล้วและไม่ได้ร่วมกันทำเรื่องนี้มาแต่แรก ดังนั้นจึงไม่ได้ตกอยู่ใต้การควบคุมของคนโรคจิตที่อีกฟากของโทรศัพท์ เหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นอีกหลายครั้งในหลายรัฐ ก็จบลงคล้ายๆกัน คือ คนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น เมื่อเข้ามาพบก็รู้ว่าผิดปกติก่อนที่คนที่แก้ผ้าหรือจับคนอื่นแก้ผ้าจะรู้ตัว<br /><br />หลักการนี้ก็ไม่แตกต่างกัน<br /> เมื่อเกิดการหลงเข้าไปรักษากับหมอทางเลือกที่หลอกลวง ทางที่จะทราบได้ว่าเกิดการหลอกลวงขึ้นหรือไม่ทำได้ยาก ต้องอาศัยคนที่ใกล้ชิดกับครอบครัวดังกล่าวเข้ามาเห็นเหตุการณ์ทีหลัง ...และแค่เห็นไม่พอ ต้องสามารถชักจูงได้รุนแรงพอที่จะดึงคนป่วยและครอบครัวที่กำลังโดนหลอก ให้หลุดจากวงจรที่คิดว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วให้ได้ก่อนจะสายเกินไป<div>
<br /></div>
<div>
<div>
<b>เราจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ตกในสถานการณ์แบบนี้ </b></div>
<div>
1. อย่าเปิดประตูให้พวกนี้เข้ามาง่ายๆ </div>
<div>
ระวังการเข้ามาในรูปแบบต่างๆ และตั้งข้อสงสัยกับข้อมูลเสมอ ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ชิดหรือทีวี สื่อต่างๆ ... ถ้าใครบอกว่ามีคนหายด้วยการรักษานั้นๆ ต้องสอบถามจนให้ได้ตัวตนคนที่หายจริงๆ และต้องรู้ถึงรายละเอียดว่าเค้าเป็นโรคจริง รักษาที่ไหนมาก่อนไม่หาย รักษาแล้วหายจากการรักษาจริงหรือไม่ หรือบังเอิญหายกันแน่ อย่าเชื่อหรือยอมเกรงใจเด็ดขาด การติดเคเบิ้ลทีวีในบ้านที่มีผู้สูงอายุ ต้องระมัดระวังว่ามีช่องที่สุ่มเสี่ยงต่อการล้างสมองขายของพวกนี้หรือไม่</div>
<div>
<br /></div>
<div>
2. สิ่งที่ดูดี ดูดีจริงหรือไม่</div>
<div>
การรักษาด้วยอิทธิปาฎิหารย์ ศรัทธาความเชื่อ โดยพระครูที่มีชื่อในท้องถิ่น หรือคนที่รักษาผ่านทางช่องทางของศาสนา ... ต่างๆเหล่านี้จะต้องถูกสอบทานด้วยผู้ใหญ่ทางสังคมในศาสนาเดียวกันได้ ก่อนจะเข้าไปรับการรักษากับคนเหล่านี้ ควรปรึกษาผู้นำทางศาสนาหรือชุมชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ที่รักษาว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นเป็นที่ยอมรับหรือไม่ การรักษาด้วยทางเลือกที่ดูเป็นวิทยาศาสตร์ ควรเช็คว่าเป็นวิทยาศาสตร์เทียมหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาทางอินเตอร์เนท หรือสอบถามผู้รู้ ... ลักษณะของวิทยาศาสตร์เทียม มักจะฟังเข้าใจง่ายดูมีเหตุผล แต่ไม่สามารถหาการอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์ได้ชัดเจนหรือตอบโต้ฝั่งวิทยาศาสตร์ด้วยการดิสเครดิตอย่างเดียว</div>
<div>
<br /></div>
<div>
3. มวลชน</div>
<div>
ถ้ามีการใช้อารมณ์ การใช้มวลชนกดดัน การทำให้อาย การต่อว่ากล่าวโทษในเรื่องที่เล็กน้อย ต้องระมัดระวังว่ามีสิ่งที่ไม่ปกติเกิดขึ้น นอกจากนี้การออกจากวงจรการรักษาแล้วกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งจะช่วยให้เรามองเห็นภาพต่างๆได้ชัดเจนขึ้น</div>
<div>
<br /></div>
<div>
4.ก่อนจะได้ผลต้องเจ็บปวดเสียก่อน</div>
<div>
พึงระลึกว่านอกจากนิยายกำลังภายในและการ์ตูน การรักษาทางแพทย์ทางเลือกที่ทำให้แย่ลงก่อนแล้วดีทีหลังมีไม่มาก หากแพทย์ทางเลือกนั้นๆระบุแบบนั้น สมควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ทางเลือกท่านอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกันหรือปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบัน</div>
</div>
<div>
<br /></div>
umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-77013039073614504072012-11-13T20:35:00.001+07:002012-11-13T20:35:27.233+07:00Idiom cleaning up = เก็บกวาด, โกยเงินเข้ากระเป๋า<br />
drown your sorrow = ลืมความเศร้าซะ<br />
knocking your door down = ลูกค้ารุมซื้อของแน่นร้าน <br />
win/win situation = มีแต่ได้กับได้<br />
<br />umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-45008663116897788852012-11-13T20:28:00.002+07:002012-11-13T20:28:51.869+07:00คำที่คนไทยมักออกเสียงผิดaisle = ai - le = ช่องทางเดิน<br />
Island = i - land = เกาะ<br />
Salmon = sa - mon = ปลาแซลมอน <br />
Spinach = Spin - ich = ผักขมumakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-54636050295980778902012-11-03T00:48:00.003+07:002012-11-03T00:48:51.419+07:00"เฟิสท์ เอกพงศ์" / ซันนี่ พระรอง รอยมาร ขโมยซีนจนได้เป็น "ศาสตร์" พระเอกตาหวาน ณ "ดวงตาในดวงใจ"<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-E-NWRRd7UyA/UJPlzizoxaI/AAAAAAAALcQ/lfLX_oPjWIQ/s1600/A11283344-0.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="http://1.bp.blogspot.com/-E-NWRRd7UyA/UJPlzizoxaI/AAAAAAAALcQ/lfLX_oPjWIQ/s320/A11283344-0.jpg" width="213" /></a></div>
<div>
<br /></div>
credit : กระทู้ EXCLUSIVE : สัมภาษณ์ "เฟิสท์ เอกพงศ์" / ซันนี่ พระรอง รอยมาร ขโมยซีนจนได้เป็น "ศาสตร์" พระเอกตาหวาน ณ "ดวงตาในดวงใจ" โดยคุณ Pladown เขียนเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2554 จากห้องเฉลิมไทย Pantip.Com<br />
<div>
<br /></div>
- เฟิสท์ครับ ชวนสาวให้ใช้นามสกุลในละคร แล้วในชีวิตจริงเคยชวนใครหรือยังครับผม<br />
<br />
เอ้อ ยังเลยครับ ตอนนี้เฟิสท์ยังโสดสนิท ยังไม่มีแฟน ไม่มีใครคุยด้วยเป็นพิเศษ มีแต่เพื่อนๆครับแต่ไม่ถึงขนาดกับเป็นคนรู้ใจอะไร ยังโสดชัวร์ครับ ที่จริงเฟิสท์ก็อยากมีแฟนเหมือนกันนะ แต่ว่ายังไม่เจอคนที่ใช่ ก็เลย "รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน" ก่อนครับ<br />
<br />
- ถ้าเฟิสท์ชวน สาวๆ ในพันทิปคงแย่งกันใช้นามสกุลของเฟิสท์ตรึมเลย<br />
<br />
(เขิน) จริงเหรอครับพี่ ขอบคุณสาวๆ พันทิปมากๆเลย ที่แบ่งใจมาให้ผม ทั้งๆที่เรื่องนี้มีบอย มีนนท์ (ชานนท์-หัสดินทร์) มีแบงค์ (ชันษา ณ พุ่มไม้) ซึ่งหล่อๆ และแสดงเก่งๆ กันทั้งนั้น เชื่อไหมครับว่า ผมไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าผมจะได้รับการตอบรับจากคนดูมากถึงขนาดนี้ ตอนนี้ไปไหนก็มีแต่คนเรียก ซันนี่ๆๆๆๆ ตลอด เล่นเอาผมปลื้มเลยละครับ<br />
<br />
- ที่จริงก็มีกระแสตอบรับที่ดีมากๆ จากตอนที่เป็น "คุณณู" ในพิมมาลาแล้ว<br />
<br />
อันนั้นก็มีในระดับหนึ่งครับ แต่ซันนี่มาแรงกว่าเยอะเลย ผมดีใจมากเลยครับที่ทุกคนพากันเรียกผมว่าซันนี่ คิดดูว่าบางคนไม่เรียกเฟิสท์เลย แต่จะเรียกซันนี่ๆตลอด (หัวเราะ) และผมจะดีใจมากกว่านี้ ถ้ามีคนเรียกผมว่า "คุณศาสตร์" และชอบละครดวงตาในดวงใจที่ผมมีโอกาสได้ประเดิมเล่นเป็นพระเอกเต็มตัวเป็นเรื่องแรกอีกครับ ผมขออนุญาตฝากละครเรื่องนี้ให้ติดตามดูกันด้วยนะครับ รับรองว่าสนุกแน่ๆ ครับ<br />
<br />
- พี่เขียนชื่อของ "เฟิสท์" อย่างนี้ถูกแล้วใช่ไหมครับ<br />
<br />
ถูกแล้วครับ คือเฟิสท์สะกดชื่อของ "เฟิสท์" แบบนี้มาตั้งแต่เด็ก บางคนอาจเขียนเป็น เฟิร์ท เป็น เฟิร์ต เป็น เฟิร์ส เติม ร.เรือ มาให้ก็ไม่เป็นไร แต่ที่เฟิสท์เขียนคือ สระเอ ฟ.ฟัน สระอิ ส.เสือ ท.ทหาร การันต์ ไม่มี ร.เรือ แทรกครับ ส่วนชื่อจริง เอกพงศ์ - พงศ์ ลงท้ายด้วย ศ นะครับ บางคนสะกดเป็น ษ ที่ถูกต้องต้องเขียนว่า "เฟิสท์-เอกพงศ์ จงเกษกรณ์" ครับ<br />
<br />
- เฟิสท์ครับ กินอะไรมาถึงได้ยาว เอ๊ย สูงยาวเข่าดี เกือบ 190 ซม.แบบนี้<br />
<br />
มีคนถามผมเยอะเลยว่าไปกินอะไรมา (หัวเราะ) ผมกินนมมาตั้งแต่เด็กครับ กินนมแทนน้ำเลยก็ว่าได้และตอนนี้ก็ยังกินอยู่ ที่น่าแปลกคือที่บ้านผม คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่สูงนะ มีผมคนเดียวที่สูงผ่าเหล่า น้องเฟม-น้องสาวก็สูง 173 กำลังดี ของผมนี่ผมว่ามันสูงเกินไป ผมไม่ได้อยากสูงมากขนาดนี้ ตอนแรกผมไม่มั่นใจในความสูงของตัวเองเลย เพราะไปไหนจะมีหัวผมโผล่โด่เด่ โดดเด่นเป็นสง่า เป็นจุดดึงดูดสายตาคนให้หันมาดูตลอด (หัวเราะ) อีกอย่างความสูงทำให้ผมใส่เสื้อผ้าบางยี่ห้อไม่ได้ด้วย เพราะใส่แล้วกางเกงมันลอยเหมือนกับหนีน้ำ แถมเสื้อก็ยังเต่อเหมือนใส่เสื้อเอวลอย (หัวเราะ) แต่ก็โชคดีที่ยังใส่บางยี่ห้อได้ ไม่ถึงกับต้องไปวัดตัวตัด ส่วนใหญ่ผมจะใส่ไซส์แอลหรือไม่ก็ใส่ไซส์ฝรั่ง ถึงจะไม่มีปัญหาครับ<br />
<br />
- ความสูงเป็นอุปสรรคหรือเปล่าครับ<br /><br /> ตอนแรก เวลาเล่นละครผมไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าแสดงออก ลึกๆ ผมว่าความสูงคงมีส่วน แต่ตอนหลังพอผมปรับตัวได้ และพยายามเอาความสูงมาเป็นปมเด่น และพยายามไปฟิตหุ่นให้ดูไม่เก้งก้างเป็นเสาไฟฟ้า ไม่ผอมกล้องแกล้งจนเกินไป ความสูงก็ไม่เป็นปัญหาและไม่เป็นอุปสรรคกับผมอีกต่อไปครับ<br /><br />- แต่พี่ว่าความสูงของเฟิสท์มีปัญหากับฉากใส่ "ผ้าขาวม้า" กระโดดน้ำคลองนะ<br /><br /> (หัวเราะ) มีมากเลยละครับ เพราะว่านอกจากผมจะสูงมากแล้ว ผ้าขาวม้าผืนนั้นมันยังทั้งเล็กและสั้นอีก พอผมเอามานุ่งมันก็ทั้งตึงทั้งรั้ง แล้วผมก็กลัวว่ามันจะหลุดจน "ซันนี่น้อย" โผล่มาก็เลยต้องเอาเข็มกลัดมากลัดไว้ <br /><br />- นุ่งอะไรไว้ในผ้าขาวม้าหรือเปล่าเอ่ย<br /><br /> นุ่งครับ ไม่นุ่งไม่ได้หรอก ต้องเซฟไว้ก่อน เดี๋ยวกระโดดลงไปเจอตอ หรือปลาตอดละก็ยุ่งเลย (หัวเราะ) <br /><br />- ท่ากระโดดน้ำได้ใจมาก<br /><br /> ท่านี้ผมดีไซน์เองเลยนะครับ คือผมเป็นเด็กบ้านนอก ตอนอยู่ที่อุทัยก็เคยโดดน้ำคลองเล่นมาก่อน แล้วเด็กบ้านนอกส่วนใหญ่ก็จะกระโดดท่านี้กันทั้งนั้น ไม่ค่อยมีใครพุ่งหลาวแบบกระโดดในสระว่ายน้ำกันหรอก ถ่ายฉากนี้ผมมีความสุขมากเหมือนกับว่าได้กลับไปเป็นเด็กซนๆ อีกครั้งเลยครับ <br /><br /><br /><br />- พี่เห็นตัวอย่างใน "ตะวันยอดรัก" ละครเรื่องใหม่ล่าสุดอีกเรื่องที่เฟิสท์เล่นคู่กับแจ๊คกี้ (นางร้ายเรื่องเงาพราย) ก็มีฉากนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวด้วย<br /><br /><div>
โอ๊ย พี่ครับ ผมไม่รู้เป็นไร ดวงสมพงษ์กับการต้องถอดเสื้อ นุ่งแต่ผ้าขาวม้า ผ้าเช็ดตัวเข้าฉากตลอด ขนาดเรื่อง "ดวงตาในดวงใจ" ผมยังมีฉากว่ายน้ำในสระว่ายน้ำเลย ผมถามพี่ต่อ วัชระ (ผู้จัด) ว่าจะดีเหรอพี่ ผมไม่อยากถอดเสื้อเลย ผมว่ามันไม่เหมาะ แต่พี่ต่อบอก เอาเหอะ มันไม่ใช่จู่ๆ ก็มาถอดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มันมีที่มาที่ไป จะว่ายน้ำทั้งที่ใส่เสื้อได้ยังไงเล่า ผมเลยจำยอม เอ้า ถอดก็ถอด (หัวเราะ) ใจจริงแล้วผมอายหุ่นผมมากเลยนะ คือผมก็ไม่ได้หุ่นดีพอจะอวดสาวๆ ได้เลย ผมคิดว่าผมผอมเกินไป แล้วซิกส์แพ็คซิกเพิ่กก็ไม่มี ผมอาย ไม่อยากจะถอดเลย แต่ที่หนักยิ่งกว่าเรื่องอื่นเลยคือ ฉากที่ต้องนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวใน "ตะวันยอดรัก "นุ่งไม่นุ่งเปล่ายังต้องมาต่อสู้เตะต่อยกับนางเอกอีก คือในฉากนี้ ผมกำลังอาบน้ำเสร็จ แล้วนางเอกที่ปลอมตัวมาเป็นโจรก็เข้ามาจู่โจมผม เพราะนางเอกอยากจะมาจับผิดว่าคนที่ต่อสู้กับนางเอกวันก่อนใช่ผมซึ่งเป็นตำรวจปลอมตัวมาหรือเปล่า โห กว่าจะผ่านฉากนี้ไปได้ผมแทบแย่เลยครับ ถ่ายกันนานมาก นานเป็น 4-5 ชั่วโมงเลย แล้วคิดดูว่าผมต้องนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวนานขนาดน้าน แล้วยังต้องไปเล่นบทบู๊ยกแข้งยกขาอีก มันจะน่าเกลียดขนาดไหน เชื่อไหมว่าวันนั้นผมอายคนในกองมาก แค่ต้องนุ่งผ้าเช็ดตัวว่าแย่แล้ว ยังมีบทที่ถูกนางเอกดึงผ้าเช็ดตัวอีก ไม่คิดเลยว่าจะมีฉากแบบนี้ด้วย ถ้ารู้ ผมจะรีบไปเพิ่มความล่ำให้ตัวเองดูดีมากกว่านี้เพื่อคนดูจะได้ไม่ผิดหวังครับ (หัวเราะ)</div>
<div>
<br /></div>
- เฟิสท์ครับ "เอ ศุภชัย" บอกว่าไปเจอเฟิสท์ตอนเรียน มช.ที่เชียงใหม่ แต่ทำไมเหมือนว่าเฟิสท์เข้าวงการมาช้าจังเลยละครับ ตอนเรียนน่าจะอายุไม่เกิน 20-22 แต่เฟิสท์มาเข้าวงการก็ 25-26 แล้ว<br /><br /> (หัวเราะ) ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าพี่เอไปเห็นผมตอนไหน แต่พี่เอเป็นคนไปเห็นเอง และก็เป็นคนโทรมาหาผมเอง พี่เอโทรมาชวนให้ผมลองเข้าวงการดู แต่ด้วยความที่ตอนนั้นผมไม่ได้คิดจะมุ่งมาทางนี้ และก็ไม่ชอบการแสดง คิดว่าตัวเองทำไม่ได้เพราะเป็นคนขี้อาย ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าแสดงออก แถมยังคิดว่าตัวเองไม่หล่อ หุ่นไม่ดีด้วยก็เลยปฎิเสธพี่เอไป หลังจากนั้น พอผมเรียนจบปริญญาตรี ผมก็อยากลองทำงานเพื่อหาประสบการณ์ก่อน ผมเลยไปทำงานเป็นวิศวกรโรงงานอยู่ที่ปราจีนบุรี แต่ ทีนี้คุณพ่อของผมท่านอยากให้ผมเรียนต่อปริญญาโท ผมก็เลยมีโอกาสได้เข้ากรุงเทพฯมาเรียนต่อที่คณะวิศวะ จุฬาฯ ช่วงที่เรียนโท ตอนที่เริ่มทำวิทยานิพนธ์ทำให้ผมพอจะมีเวลาว่าง ผมเลยคิดว่าไหนๆ ผมก็มากรุงเทพฯแล้ว ผมเลยตัดสินใจโทรหาพี่เอ พี่เอเลยพาผมมาฝากที่ช่อง 3 ครับ<br /><br />- ตามปกติจะเห็นน้องๆในสังกัดของเอ ถ่ายโฆษณาหรือว่าถ่ายแบบ เดินแบบก่อน แต่ไม่เห็นเฟิสท์ในงานสาขานั้นๆ เลย<br /><br /> ไม่มีเลยครับ ผมมุ่งมาแสดงละครอย่างเดียวเลย มาถึงก็เข้าเรียนการแสดงกับทางช่อง 3 ก็เรียนรุ่นเดียวกับบอย ปกรณ์ .....ส่วนบ้านพี่เอ ผมก็ไปเข้าคอร์สเรียนบ้าง ที่จริงผมเนี่ยมารุ่นๆ เดียวกับหมาก กับณเดชน์เลยนะครับ เพียงแต่ผมไม่เคยคิดหวังว่าผมจะโด่งดังอะไร เพราะอย่างที่บอกแต่แรกว่า งานแสดงสำหรับผมแล้ว ผมเป็นศูนย์เลย คือนอกจากจะแสดงไม่เป็นแล้ว ยังขี้อายอย่างแรง ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาถึงวันนี้ได้เลยครับ ผมไม่คิดเลยว่าหนุ่มวิดวะดิบๆ บ้านๆ อย่างผมจะมาเล่นละครกับเขาได้เลย นึกแล้วก็ยังไม่เชื่อเลยว่าตัวเองจะทำได้<div>
<br /></div>
- เฟิสท์ครับ มีคนบอกว่าเฟิสท์หน้าเหมือนกับ "นิว วงศกร" แต่พี่ว่าไม่เหมือนนะ หล่อคนละแบบกัน <br /><br /> พี่ว่าไม่เหมือนเหรอครับ แต่พี่เชื่อหรือเปล่าว่า ตอนที่ผมเห็นพี่นิวครั้งแรกทางทีวี ผมตกใจอ้าปากค้างเลยนะครับว่า เฮ้ย ทำไมพี่คนนี้เขาหน้าตาคล้ายผมจังเลย ก็ขนาดตัวผมเองผมยังว่าคล้าย ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีคนอื่นว่าผมเหมือนพี่นิวครับ และที่ตลกที่สุดคือ มีคนมาทักว่าผมเป็นพี่นิวด้วย บางคนบอก "โห พี่นิวทำไมตัวจริงสูงชะลูดจัง" (หัวเราะ) บางคนบอก "จุ๋ยไม่ได้มาด้วยเหรอคะ" (หัวเราะ) มีบางคนแต่เป็นส่วนน้อยมาขอลายเซ็นด้วย (หัวเราะ) ตอนที่ผมยังไม่เข้าวงการ ผมก็บอกว่าผมไม่ใช่พี่นิวครับ เข้าใจผิดแล้วครับ แต่พอผมเริ่มเข้าวงการแล้ว หรือจนกระทั่งทุกวันนี้ ผมก็ยังต้องคอยบอกคนที่มาทักผิดตลอดว่า "ผมไม่ใช่พี่นิวครับ ผมชื่อเฟิสท์ อยู่ช่อง 3" <br /><br />- มีข่าวว่านิวหยิ่งกับแฟนคลับ หวังว่าแฟนคลับคนนั้นคงไม่ได้มาเจอเฟิสท์แล้วเข้าใจผิดว่าเป็นนิวนะครับ<br /><br /> ไม่ๆ ไม่มีทางครับ ผมไม่เคยสวมรอยเป็นพี่นิวเลย และทุกครั้งผมจะบอกดีๆ นะว่าผมไม่ใช่พี่นิว ผมไม่เคยเดินหนีใครเลย อย่างมากก็อาจจะอายหน้าแดง ไม่กล้าพูด อย่างนี้ก็อาจจะมี แต่ถ้าทำท่าหยิ่งใส่อย่างนี้ รับรองว่าไม่มีเด็ดขาดครับ<br /><br />- การที่เราหน้าเหมือนนิว เฟิสท์คิดว่ามีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไรบ้าง<br /><br /> ผมว่าพอเอาเข้าจริงๆ คนจะแยกได้นะครับว่าเรา 2 คนไม่เหมือนกัน อาจจะมีบางมุมที่คล้ายกันบ้าง แต่จะไม่เหมือนกันทั้งหมดเสียทีเดียว อีกอย่างผมสูงโย่งซะขนาดนี้ คนก็เลยจำเอกลักษณ์ของผมได้ว่ายังไงก็ไม่เหมือนพี่นิวครับ ส่วนข้อดีนั้น ผมว่าตัวผมไม่หล่อ แต่พี่นิวหล่อ ถ้าผมคล้ายพี่นิวจริง ก็แสดงว่าผมก็พอจะหล่ออยู่เหมือนกัน (หัวเราะ) ส่วนข้อเสียก็คือ อาจมีคนมาทักผิดทักถูกบ้าง แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อเสียที่ใหญ่โตอะไรครับ<div>
<br /></div>
- หลังจากเล่นเป็น "อัศวิน" จากหวานใจกับนายจอมหยิ่ง เฟิสท์หายไปเลย และเพิ่งจะมาเล่นพิมมาลา+รอยมาร+ดวงตาในดวงใจในปีนี้ ปีเดียว 3 เรื่องรวดส่งท้ายปีเลย<br /><br /> มันเป็นจังหวะและโอกาสด้วยละครับ ช่วงนั้นผมก็ไปเรียนปริญญาโทให้จบ แล้วก็อย่างที่ "พี่ปิ่น" ให้สัมภาษณ์แหละครับว่า ตอนนั้นผมยังไม่มีความมั่นใจเลยแสดงออกมาแข็งโป๊ก พี่ปิ่นบอกว่าที่เลือกผมมาเพราะว่าอยากให้โอกาสผม เพราะไหนๆ ผมก็พอจะเป็นที่รู้จักจากเรื่องแรกแล้ว ไม่อยากจะให้หายไปเฉยๆ อย่างน่าเสียดาย พี่ปิ่นก็เลยช่วยเสนอทางช่องให้ผมมาเล่นเป็นคุณณู เป็นซันนี่ และก็ในที่สุดก็ให้โอกาสผมได้เล่นเป็นพระเอกเต็มตัวคู่กับแจ๊คกี้ในเรื่อง "ตะวันยอดรัก" ด้วย ซึ่งผมก็ขอถือโอกาสนี้กราบขอบคุณพี่ปิ่นและทีมงานทีวีซีนที่กรุณาผม ถ้าไม่มีพี่ปิ่น ผมคงมาไม่ถึงจุดนี้อย่างแน่นอนครับ และผมก็ฝากกราบขอบคุณไปยัง "พี่ต่อ วัชระ" ควิซแอนด์เควซด้วยที่เห็นแววในตัวผมและกรุณาผลักดันให้ผมได้เป็นพระเอกเรื่องแรกคู่กับ "หยาด" จากละคร "ดวงตาในดวงใจ" ด้วยนะครับผม<br /><br />- เคยคิดเสียดายโอกาสมั้ยที่เราเข้าวงการช้าแล้วยังสตาร์ทช้าอีก<br /> ไม่เลยครับ เพราะว่าผมก็เอาเวลาช่วงนั้นไปเรียนให้จบเพื่อความสุขความสบายใจของพ่อแม่ ให้พ่อแม่ท่านได้หมดห่วงในเรื่องการเรียนของผมก่อน และที่สำคัญผมก็ได้ไปฝึกพัฒนาตัวเองมาเพิ่มเติมด้วย ถ้าเล่นต่อเนื่องกันตอนนั้นเลย ผมอาจจะยังเล่นแข็งโป๊กอยู่เหมือนเดิมก็ได้ (หัวเราะ)<div>
<br /></div>
- เฟิสท์ครับ พี่ว่าเฟิสท์เล่นบทผู้ชายเจ้าชู้ใน "ดวงตาในดวงใจ" ได้สมจริงมากเลย มิน่าล่ะถึงได้มีข่าวว่าแจกขนมจีบ "มาร์กี้" กับ "แต้ว ณฐพร"<br /><br /> ไม่มีอะไรเลยครับ เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น มาร์กี้นี่เจอมาตั้งแต่เล่นหวานใจกับนายจอมหยิ่งแล้ว ส่วนแต้วก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ แต้วกับผมสนิทกันเพราะว่ามีพี่ที่ดูแลคนเดียวกัน คือพี่ทราย ทั้งผมทั้งแต้วทั้งมาร์กี้ เราสนิทกัน พอสนิทกันเวลาร่วมงานกันมันจะไม่เขิน ดูอย่างบทซันนี่กับบู้บี้ ผมว่าถ้าไม่ได้มาร์กี้มาเล่นเป็นบู้บี้ ซันนี่ก็อาจจะไม่ออกมาถูกใจคนดูอย่างนี้ก็ได้ครับ งานนี้ต้องยกเครดิตให้มาร์กี้ด้วยที่เล่นออกมาได้น่ารัก ได้ใจคนดูจนทำให้คนดูพลอยชอบผมไปด้วยครับ"<div>
<br /></div>
- รอยมาร กับ ดวงตาในดวงใจ อันไหนทำให้เฟิสท์ "หลุด" มากกว่ากันครับ<br /> <br /> ดวงตาในดวงใจครับ คือบทของผมเป็นประธานบริหารบริษัท แต่ว่าบางทีผมคิดว่าตัวเองยังเล่นให้ดูมีพลัง มีมาดของเจ้านายที่ดูน่าเชื่อถือไม่ค่อยได้ แล้วที่สำคัญคือคนที่เข้าฉากกับผมแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นหยาด ไม่ว่าจะเป็นพี่เอ๋ เชิญยิ้ม ฯลฯ เขาจะได้แต่บทแบบคอมเมดี้กัน แต่ตัวผมเองต้องมาจิกตัวเองให้มีมาดขรึมเหมาะกับการเป็นท่านประธาน แล้วบางทีพี่ๆ เขาเล่นนอกบท หรือเล่นกันขำมาก ฮาสุดๆ ในขณะที่ฉากนั้นผมกำลังดุ วีน หงุดหงิดใส่พวกเขาอยู่ ทีนี้พอเขาตลกมา ทำเอาผมหัวเราะก๊าก หลุดทันทีเลยครับ กว่าจะทำอารมณ์ให้กลับมาดุใหม่ได้ ก็ยากพอสมควรเหมือนกัน ส่วนรอยมารนั้น ผมไม่หลุดเท่าดวงตาในดวงใจ แต่ก็มีหลุดบ้าง และคนที่ชอบแกล้งให้ผมหลุดบ่อยๆ ก็คือบอย โบว์ (วิมาดา) แล้วก็มาร์กี้ครับ อย่างบอยเนี่ยพอหลุดฉากไป ชอบหันมาแกล้งผมกับมาร์กี้ที่ยังอยู่ในฉากตลอดเลย<div>
<br /></div>
- เมาท์ "บอย" กับ "มาร์กี้" ให้ฟังหน่อยได้มั้ยครับ<br /><br /> บอยนี่เป็นโรคกลัวแก่ จริงๆ แล้วผมแก่กว่าบอยนิดเดียว ผม 28 บอย 27 เขาก็เรียกผมว่าพี่ ขนาดตอนที่รู้จักกันตอนนั้น บอยก็ยังใหม่เหมือนกัน มาเรียนการแสดงพร้อมกัน ยังไม่ได้แอ๊บเด็กเป็นรุ่นเดียวกับพวกหมาก พวกณเดชน์ ใน 4 หัวใจแห่งขุนเขาเลย แต่บอยก็อยากเป็นเด็ก เรียกผมพี่ๆ ตลอด ผมว่าถ้าบอยอยากเด็ก ก็ต้องไปโกนหนวดโกนเคราออกก่อน เพราะมีหลายคนบอกว่าผมหน้าเด็กกว่าบอยครับ (หัวเราะ) ส่วนมาร์กี้เนี่ย ข่าวที่ว่าเขาเป็นคนนิสัยงก ไม่จริงเลยครับ เขาเป็นคนที่รู้จักใช้เงินและรู้จักใช้ของของคนอื่นมากกว่าของตัวเองมากกว่า อย่างเรื่องที่เขาหวงรถ กลัวว่าถ้าเขาชับรถไปเองแล้วจะโดนหินดีดใส่แล้วมาขอติดรถคนอื่นกลับเนี่ยเป็นเรื่องจริงครับ กับบอย เขาอาจจะขอกลับด้วยบ่อยหน่อย เพราะว่ามีคิวเลิกถ่ายพร้อมกัน แต่ถ้าเขาเช็คแล้วว่าเขามีคิวเลิกถ่ายพร้อมผม เขาก็จะขอกลับกับผม (หัวเราะ) แต่ว่าบางทีถ้าเลิกดึก ผมไปส่งเขาไม่ไหวเพราะบ้านอยู่ไกลกันคนละโยชน์ ผมก็เอาเขาไปหย่อนไว้ที่บริษัท "แม่หนู ชลลัมพี" ครับ<div>
<br /></div>
- สุดท้าย เฟิสท์อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ ในพันทิปบ้างครับ<br /><br /> ขอบคุณกระแสที่ตอบรับอย่างล้นหลามครับ ผมตื้นตันใจมากและได้เข้ามาอ่านอยู่บ่อยๆ อ่านแทบจะทุกกระทู้ของรอยมารเลยก็ว่าได้ อ่านแล้วก็แทบไม่น่าเชื่อเลยครับว่า เด็กบ้านนอก บ้านๆ ดิบๆ ที่ไม่ได้หล่อเลิศเลอเปอร์เฟ็กต์อย่างผมจะเป็นที่เอ็นดูของชาวพันทิปได้ คือผมไม่คิดว่าเรื่องนี้ซึ่งมี "บอย ปกรณ์" ที่สาวๆ กรี๊ดและจับคู่เป็นคู่ขวัญกับมาร์กี้อยู่แล้ว จะ "ปันใจ" มาเชียร์ให้ผมคู่กับมาร์กี้ได้ มันเหนือความคาดหมายมากเลยครับ อย่างที่ผมบอกแต่แรกว่าตอนแรกผมไม่ได้รักงานแสดง ไม่ได้อยากเป็นนักแสดงมาตั้งแต่ต้น แต่ตอนนี้ทุกคนทำให้ผม "เหนือความคาดหมาย" และทุกคนก็ทำให้ผมรักการแสดง และอยากจะเป็นนักแสดงที่ดีให้ได้ในที่สุดครับ ขอบคุณทุกคนมากครับ ขอบคุณที่ชอบซันนี่ ขอบคุณที่ชอบศาสตร์ ขอบคุณที่ชอบอัศวิน ขอบคุณที่ชอบคุณณู และสุดท้าย ขอบคุณที่รักเฟิสท์ครับผมumakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-10757146114021474552012-10-30T21:58:00.001+07:002012-10-30T21:58:49.335+07:00ชีวิตแท้<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-fipMdYOE1xo/UI_rCxnAalI/AAAAAAAALVE/yOvJIledY4I/s1600/MP900176647.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="210" src="http://1.bp.blogspot.com/-fipMdYOE1xo/UI_rCxnAalI/AAAAAAAALVE/yOvJIledY4I/s320/MP900176647.JPG" width="320" /></a></div>
<br />
<br />
ชีวิตแท้ งามงด และสดชื่น<br />
ไม่มีฝืน ไม่มีหวั่น ไม่สั่นเสียว<br />
ไม่มีสิ่ง หลงรัก สักสิ่งเดียว<br />
ไม่มีจิต เกาะเกี่ยว ทั้งบาปบุญ<br />
<br />
ทรัพย์ในเรือน เป็นเหมือน ของเกลื่อนกลาด<br />
ที่เป็นบาป เก็บกวาด ทิ้งใต้ถุน<br />
ที่เป็นบุญ มีไว้ เพียงเจือจุน<br />
ให้เป็นคุณ สะดวกดาย คล้ายรถเรือ...<br />
<br />
ไม่ยึดมั่น สิ่งใด เอาใจแบก<br />
กลัวตายแตก ใจประหวั่น จนฟั่นเฝือ<br />
เบาทั้งกาย เบาทั้งใจ ไม่มีเบือ<br />
ชีวิตเหลือ แต่ความเย็น เป็นนิพพาน<br />
<br />
พุทธทาส อินทปัญโญumakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-687707191640436752012-10-23T22:26:00.001+07:002012-10-23T22:26:28.965+07:00เรื่องเด็ดๆ ของ ..."ณเดชน์"<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-mDzGohs-4jg/UIazcmPa9ZI/AAAAAAAALSc/RVNV7gSVHR8/s1600/PB+valley+-+05.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="267" src="http://4.bp.blogspot.com/-mDzGohs-4jg/UIazcmPa9ZI/AAAAAAAALSc/RVNV7gSVHR8/s400/PB+valley+-+05.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<div>
<br /></div>
credit : กระทู้EXCLUSIVE / HBD ย้อนหลัง : สัมภาษณ์ส่งท้าย / เรื่องเด็ดๆ ของ ..."ณเดชน์" เขียนเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2554 จากห้องเฉลิมไทย Pantip.Com<div>
<br /></div>
เมื่อ 17 ธันวาปีที่แล้ว จำได้ว่าตัวเองนุ่งกระโจมอกถกกับ "สุดหล่อแบรี่" ที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำใหม่ๆ ตามที่เคยเขียนเล่าไว้แล้วก็นึกขำที่ทำไปได้ มาปีนี้ก็เลยไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก แต่มาแนวใหม่คือ ไม่ยุ่ง ไม่รบกวนน้อง ไม่ทำอะไรใดๆ กับน้องทั้งสิ้น ไม่แม้แต่จะอวยพรวันเกิด เพราะได้แบบอย่างมาจากคุณแม่แก้ว คุณแม่สามีที่บอกว่า<br /> " คนของเราเค้าเหนื่อยมาจากข้างนอกแล้ว เค้าตอบคำถามมาสารพัด เวลากลับมาบ้าน แม่ก็อยากให้ลูกสบายใจ ไม่อยากไปถามอะไรจุกจิกกวนใจเค้าอีก อยากให้เค้า "มีพื้นที่ส่วนตัว" ของเค้าบ้าง อยากให้เค้าได้หายใจบ้าง ถ้าเค้ามีอะไรอยากเล่า เดี๋ยวเค้าก็เล่าเองค่ะ"<br /><br />- แม่คะ แล้วหนูกับคนที่รักน้องคนอื่นๆ จะอวยพรวันเกิดน้องยังไงดีคะ ถึงจะไม่รบกวนน้อง<br /> อธิษฐานจิตค่ะ แม่เองก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน วันเกิดปีนี้ลูกอยู่ไกล กว่าจะกลับบ้านมาให้แม่ชื่นใจก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว แม่ก็เลยใช้วิธีนี้ เพราะแม่คิดว่าแบรี่เขารับรู้ได้ ลองอธิษฐานจิตดูนะคะ เวลาเราส่งความรู้สึกดีๆ ถึงใคร ถึงแม้เขาจะไม่รับรู้ แต่เราก็มีความสุขที่ได้ตั้งใจอธิษฐานเพื่อคนที่เรารัก ลองทำดูนะ แล้วจะพบว่า การให้แบบนี้ มันมีความสุขกว่าจริงๆ<br /><div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
วันที่ 5 ธันวาที่ผ่านมา ณเดชน์ต้องขึ้นเครื่องไปถ่ายทำธรณีนี่นี้ใครครอง ดังนั้นพอวันที่ 4 ธันวา เขาก็เลยพาคุณพ่อไปเลี้ยงฉลองวันพ่อล่วงหน้า 1 วัน<br /> " พาคุณพ่อไปกินอาหารญี่ปุ่นครับ คุณพ่อชอบกินอาหารญี่ปุ่น ก็เลยชวนคุณแม่พาคุณพ่อไปกินร้านอาหารญี่ปุ่นแถวบ้าน ปกติเวลาไปกินข้าวนอกบ้านกัน คุณพ่อจะเป็นเจ้ามือตลอด คุณพ่อไม่ยอมให้ผมจ่ายเลยทั้งๆที่ช่วงหลังมาผมมีรายได้แล้ว แต่มามื้อนี้คุณพ่อยอมให้ผมเป็นคนจ่าย และผมก็ภูมิใจมากครับที่ได้เป็นฝ่ายเลี้ยงคุณพ่อบ้าง หลังจากให้คุณพ่อเลี้ยงผมมาตลอดชีวิต"<br /> พอวันที่ 5 ธันวา ณเดชน์ได้บอกคุณแม่ให้เป็นธุระช่วยเตรียมพวงมาลัยไว้เพื่อกราบคุณพ่อในวันพ่อก่อนขึ้นเครื่องบินไปถ่ายละคร แต่บังเอิญคุณแม่มัวแต่ยุ่งๆ เรื่องจัดบ้านให้เข้าที่เข้าทางหลังจากขนย้ายของหนีน้ำเกิด "ลืม" ขึ้นมา ดังนั้น พอถึงเวลาจะกราบพ่อ ปรากฏว่าไม่มีพวงมาลัยดอกไม้ให้กราบ ......อ้าว แล้วทำไงดีล่ะ<br /> "(หัวเราะ) คุณแม่ลืมครับ พอผมถามหา คุณแม่ก็เลยนึกได้ ตอนนั้นหาอะไรไม่ทัน เพราะผมต้องไปขึ้นเครื่องแล้ว ก็เลยไปเอาดอกพุดที่ต้นหน้าบ้านมา แม่เอามาจัดเป็นพานขันธ์ 5 ให้ เสร็จแล้วก็เข้าไปกราบคุณพ่อ ผมก็อวยพรคุณพ่อว่า ขอให้ป๊ามีความสุข สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เสร็จแล้ว ผมก็ขออโหสิกรรมกับคุณพ่อ ผมบอกคุณพ่อว่า ถ้าผมทำอะไรที่ล่วงเกินคุณพ่อทั้งทางกายกรรม มโนกรรม วจีกรรม ก็ขอให้คุณพ่ออโหสิให้ผมด้วย คุณแม่ก็เลยบอกผมว่า "ป๊าฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจหรอก" ผมก็เลยเอาใหม่ ใช้คำภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ ให้คุณพ่อเข้าใจ แปลง่ายๆ ว่า ถ้าผมทำอะไรให้คุณพ่อไม่พอใจ เสียใจก็ขอให้คุณพ่อยกโทษให้ผมด้วย พอผมพูดไป ผมก็นึกได้ว่ามันมีมั้ย ก็เลยถามคุณพ่อไปว่า " เอ๊ะ แล้วมันมีหรือเปล่าครับ" <div>
คุณพ่อบอกไม่มีๆๆ ไม่มีอะไรที่ไม่ดี "เอเวอรี่ติง โอเค" แล้วคุณพ่อก็บอกผมว่า " ปาป๊ารักแบรี่ที่สุดนะ"<br /> แล้วแบรี่ละครับ บอกปาป๊าว่าไง อย่าคิดว่าคำตอบคือ.... "แบรี่ก็รักป๊าครับ" ....นะคะ เพราะคำตอบของณเดชน์คือ<br /> " ป๊าครับ ถ้าเกิดชาติหน้ามีจริง ขอแบรี่เกิดมาเป็นลูกของป๊าอีกนะครับ และแบรี่ขอเกิดเป็นลูกของป๊ากับแม่แก้วทุกชาติไป"<br /> คุณแม่กระซิบว่า คุณพ่อน้ำตาร่วงเลยค่ะ<br /><div>
<br /></div>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
จากวันพ่อ -มาถึง "วันเกิด" บ้างนะคะ ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรจะให้เขียนมาก แต่เห็นว่ามันมีแง่คิดที่ดีค่ะ เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง<br /> "วันเกิดผม ผมไม่ได้อยากได้ของขวัญอะไรจากพ่อแม่นะครับ พ่อแม่ให้มาเยอะแล้ว พอผมอายุ 20 ผมก็อยากเป็นคนให้ของขวัญวันเกิดของผมกับพ่อแม่บ้าง"<br /><br /> - ของขวัญชิ้นนั้นคืออะไรครับ<br /> " อยากให้เวลากับท่านครับ ทุกวันนี้แม่รอผมตลอด กลับตี 4 ก็รอจนถึงตี 4 ผมอยากอยู่บ้านกับพ่อกับแม่ให้ท่านได้หายคิดถึง ให้ได้ชื่นใจบ้าง แล้วถ้าเป็นไปได้ ผมอยากพาพ่อพาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ อยากให้ท่านมีความสุข เพราะสมัยก่อน ผมทำให้คุณแม่ต้องแยกกันอยู่กับคุณพ่อ แต่ก่อนคุณพ่อทำงานอยู่กรุงเทพฯ คุณแม่จะย้ายจากขอนแก่นมาอยู่ด้วยก็มาไม่ได้ เพราะถ้ามาก็ต้องเอาผมมาด้วย แต่พอมาแล้วผมก็อยู่กรุงเทพฯ ไม่ได้เพราะผมเป็นหอบ อากาศที่กรุงเทพฯ ไม่เหมาะกับคนเป็นหอบ คุณแม่ก็เลยตัดสินใจอยู่กับผมที่ขอนแก่น แล้วก็ผลัดกันเดินทางมาหากันกับคุณพ่อ ท่านทำอย่างนี้เป็นสิบๆ ปีเลยนะ "เพื่อผม" ตอนนี้ผมมีความสุขมากครับ ผมมีความสุขที่เราได้อยู่บ้านเดียวกันทุกวันแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะมีเวลาให้ท่านน้อยลงจนบางวันไม่ได้เห็นหน้าท่านเลยก็ตาม แต่ผมก็มีความสุขกว่าแต่ก่อนตอนที่ต้องแยกกันอยู่ครับผม"<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
เป็นที่รู้กันว่าพ่อหมีของเรานั้น "ล่ำ" ขึ้นตอนท้ายๆ เรื่องเกมร้ายเกมรัก ตอนนั้นพ่อหมีปรารภว่า<br /> "ผมอ้วนอะ พี่ว่าผมอ้วนหรือเปล่าครับ"<br /><br /><div>
- พี่ว่าไม่อ้วนหรอก<br /> "อ้วนครับอ้วน เดี๋ยวตอนท้ายเรื่องจะยิ่งอ้วนเข้าไปอีก"<br /><br />- ไม่อ้วนนะ หน้าก็ยังเล็กๆ อยู่ ขนาดพี่ดูทีวีจอ 53 นิ้ว หน้าก็ไม่บานนะ<br /> 555 หน้าไม่บานครับ แต่ตรูดบาน ผมอะกินยังไงก็ไม่อ้วน ไม่ออกแก้ม อาจจะเป็นเพราะผมดัดฟันด้วย แต่พออ้วนแล้วมันไปลงที่ก้น แล้วอีกอย่างผมขี่จักรยานออกกำลังกายทุกเช้า สงสัยก้นจะใหญ่เพราะขี่จักรยาน (หัวเราะ)<br /><br />- มิน่าล่ะ ใส่สูทแล้วตุง เอ๊ย ตึงเชียว<br /> 5555 สูทเกือบปริเลยครับ ชุดมันฟิตมาก ฟิตทั้งล่างฟิตทั้งบน ผมหายใจไม่ออกเลย แล้วพี่แอ้วก็ใจร้ายมาก จัดเต็มให้ผมใส่สูทเกือบตลอดเรื่อง จะให้ผมถอดสูทออกก็เฉพาะตอนที่มีฉากอุ้มน้องญาญ่าเท่านั้น เพราะแกกลัวสูทจะขาด (หัวเราะ) แกกลัวผมจะไม่หล่อ แต่ผมทั้งร้อนทั้งอึดอัดเลย ถามว่าในเรื่อง ผมชอบใส่ชุดไหนที่สุดเหรอครับ 5555 ไม่ใช่กางเกงเลของสายชล แต่เป็นตอนนุ่งโสร่งครับ ใส่แล้วลมมันเย็น หายใจโล่งไม่เหมือนตอนใส่สูทที่หายใจไม่ออกเลยครับ"<br /><br />- เห็นบอกว่าลดน้ำหนักมากแล้วคุมไม่อยู่เหรอครับ<br /> ครับ ผมลดลงไปแล้วมันตีกลับครับ ถ้าไม่อยากให้กลับมาอ้วนอีก ต้องค่อยๆ ลดครับ อย่าลดแบบโหมทีเดียว เพราะการลดแบบนี้มันไม่ยั่งยืน แต่มันจะทำให้โยโย่ครับ ที่สำคัญคือ พอลดแล้วมันโหยตลอดเวลา พอดีช่วงนั้นผมสอบด้วยครับ ผมอ่านหนังสือดึก แถมยังทำงานเยอะด้วย บางวันก็เลิกดึก เลิกเสร็จก็กิน กินเสร็จก็นอน พอไปกองถ่าย อาหารกองอร่อยอีก ผมก็ซัดเข้าไปอีก ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น แต่ตอนนี้ผมเริ่มยุบลงแล้วนะครับ เพราะผมพยายามออกกำลังกายให้มากกว่าเดิม ถ้าอยู่บ้านก็มีว่ายน้ำ วิ่ง แล้วก็ขี่จักรยานครับ<br /><br />ครับ เชื่อครับ เพราะพี่เห็นใครบางคน "ถอดเสื้อ" ขี่จักรยานทุกเช้าเลย อิอิ ว่าแต่ไปอังกฤษกลับมา คิดหาวิธีลดไว้ล่วงหน้าด้วยเลยนะคร้าบบบบบโผมมมม</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
ใครได้ดูรายการ "ราตรีสโมสร" ตอนที่พ่อคุณพ่อทูนกระหม่อมเต้นท่าลูบเป้าแบบไมเคิล แจ๊คสัน และคลิปรายการตะลุยกองถ่ายที่พ่อเต้นท่า "เด้อนาง เด่อ เด้อเด้อนางเด่อ ตับๆๆๆๆๆๆๆ" แล้วคงจะอมยิ้มกับความน่ารักน่าชังของพ่อไม่น้อย ดังนั้นวันนี้จะมาล้วงความลับเรื่องนี้ของณเดชน์กันค่ะ<br /><br /><div>
"ผมชอบเต้นแบบไมเคิล แจ๊คสันมาตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านนี่ พอคุณแม่เห็นว่าชอบ คุณแม่ก็ไปซื้อวีดีโอคอนเสิร์ต+มิวสิกวีดิโอของไมเคิลมาให้ดู มีเต็มบ้านเลยครับ ผมดูแล้วผมก็ฝึกเต้นตาม เรียกว่าเต้นซะพลิ้วเลยแหละ แต่ว่าตอนหลัง คุณแม่มาขอร้องให้เลิกเต้นครับ"<br /><br />- อ้าว ทำไมละครับ พี่ก็เห็นเต้นเก่งดีนี่ พอดนตรีขึ้นปุ๊บ ขาก็ขยับเข้ากับจังหวะยังกับเป็นมืออาชีพเลย<br /> คุณแม่ขอให้เลิกครับ พี่ไปถามแม่เองละกันครับว่าทำไมถึงให้เลิก (หัวเราะเขิน)<br /><br />พอไปสอบถามคุณแม่ คุณแม่หัวเราะขำ ก่อนจะเล่าว่า<br /> " ที่เห็นในรายการน่ะน้อยไปค่ะ ปกติถ้าเค้าอยู่ในแวดวงคนที่สนิท+สนุกกันจริงๆ เขาเด้งยิ่งกว่านั้นอีก คนนี้ยิ่งยุยิ่งขึ้น (หัวเราะ) ตอนนั้นเขาชอบท่าลูบเป้าแล้วเด้งนี้มาก เต้นทุกวัน ยิ่งเต้นยิ่งเด้ง ทีนี้เขาก็เต้นมาเรื่อยจนเขา ม.3 แม่ก็บอกเค้าว่า<br /> "พ่อแบร์เอ๊ย พ่อเป็นหนุ่มแล้ว เต้นๆเด้งๆอย่างนี้แล้วมันไม่งาม มันไม่น่ารักเหมือนตอนเด็กๆ แล้วนะลูกนะ"<br /> พอแม่พูด เขาก็ฟังค่ะ แล้วนับแต่ตั้งแต่ ม.3 มา แม่ก็เพิ่งเห็นเขาเต้นอีกครั้งก็ในรายการ "ราตรีสโมสร" นี่แหละค่ะ เห็นแล้วก็ขำ นี่ขนาดเขาร้างมานาน เขายังเต้นได้พลิ้วขนาดนี้ เสียดายที่เขาไม่กล้าเด้งเหมือนตอนเด็กๆ ที่เด้งสุดๆ นะคะ ไม่งั้น ลูกชายแม่คงฮากว่านี้" (หัวเราะ)</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
คราวนี้ก็มาถึงเรื่องที่ทุกคนรอคอยนะคะ แน่นอนค่ะ เป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากเรื่อง "หูแดง" ค่ะ เรื่องนี้แค่ถามเจ้าตัวว่า ทำไมถึงหูแดง เจ้าตัวก็หูแดงแล้วค่ะ 5555 ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าจะได้คำตอบอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันจากพ่อคุณ เราไปหาคำตอบจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของหูเจ้าปัญหากันดีกว่านะคะ <div>
<br /></div>
<div>
คนแรกที่มาพูดถึงอวัยวะชิ้นนี้ของบอสชาร์ลส์จอมเกรียนของเราก็คือ พี่แอ้ว ผู้กำกับเกมรักเกมร้ายค่ะ<br /> " พี่ไม่เคยสังเกตเลยนะคะว่าเวลาเข้าฉากเข้าพระเข้านางแล้วณเดชน์จะหูแดง จนมีวันนึงมีทีมงานเมาท์กัน พี่ก็เริ่มสังเกต มาเห็นได้ชัดที่สุดก็ตอนฉากที่อยู่บนเกาะ เป็นฉากที่เล่นน้ำตกอยู่กับแตลอย แล้วนางฟ้าแก้ผ้าลงมาเล่นน้ำด้วย ฉากนั้นณเดชน์ต้องถอดเสื้อ เลยทำให้เห็นว่านอกจากหูจะแดงแล้ว หน้าก็แดง หน้าอกก็แดง เรียกว่าแดงไปทั้งตัวเลยก็ว่าได้ ขนาดญาญ่าเอง ตามบทต้องพูดว่า "ทำไมสายชลต้องหน้าแดงด้วย" แต่ด้วยความที่ญาญ่าเขามืออาชีพ เขาปรับบทจากสิ่งที่เห็นตรงหน้าแล้วพูดเพิ่มว่า "ทำไมสายชลต้องหน้าแดงด้วย ดูสิหูก็แดง" พี่เห็นว่าญาญ่าพูดมาจากความ "เรียลสุดๆ " พี่เลยซื้อไอเดียญาญ่า ไม่เทค ไม่คัท ไม่อะไรทั้งสิ้นค่ะ เอาตามที่น้องพูดเลย ถือว่าเอาอันที่อิมโพรไวซ์เลย อย่างนี้ผู้กำกับชอบ (หัวเราะ) เรื่องณเดชน์หูแดงนี่ พี่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะความเป็น "หนุ่มน้อย" ของเขานั่นแหละ เขาคงเขิน แล้วพอเขินแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก ระงับความเขินไม่ได้ อย่างฉากที่โดนญาญ่าเดี๋ยวเข้าหาๆ ตอนอยู่เกาะ นั่นพี่คิดว่าเขาไม่ได้แสดงเลยนะคะ แต่พี่คิดว่าเขาเขินจริงๆ เพราะถ้าเขาไม่เขินจริง หูก็คงไม่แดงขนาดนั้น</div>
<div>
<br /></div>
คนต่อมาก็คือคุณแม่น้องค่ะ พอพูดถึงเรื่อง "หูแดง" คุณแม่บอก<br /> " โอ๊ย พ่อคนนี้เขาแดงเป็นธรรมดา เพราะเลือดลมเขาดี เขาเป็นลูกครึ่ง แล้วอีกอย่างคือตัวเขาขาวจ๊วะ ตอนเด็กๆ ผิวขาวเหมือนน้ำนมเลย แต่ตอนนี้ผิวเขาคล้ำ เพราะว่ายน้ำทุกวัน แถมยังไปถ่ายทำที่ทะเลซะตัวดำจนกลายเป็นคนละคนอีก ถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาเขาหูแดง ตัวแดง มันจะไม่เป็นสีแดงระเรื่อแบบนี้ อันนี้ถือว่าเห็นไม่ชัดนะคะ ถ้าเป็นผิวปกติของเขา มันจะแดงแปร๊ดเหมือนลูกตำลึงสุก เห็นชัดแจ๋วเลยค่ะ<br />แล้วอาการแดงของเขานี่ ถือว่าเป็นเรื่องปกตินะคะ เวลาหนาวนี่จะปากแดง แดงแบบแดงจัดเลย ส่วนเวลาร้อนจะหน้าแดง ตัวแดง แต่หูแดงนี่ไม่ค่อยเห็นนะคะ พ่อคนนี้ เขาไม่ค่อยอาย ใครยุให้ทำอะไรก็ทำ เป็นคนบ้ายุ ยุแล้วขึ้น ยุแล้วไม่มีเขินเลย แม่เองก็แปลกใจนะว่าคนพรรค์นี้มันขี้เขินได้ยังไง (หัวเราะ) ปกติไม่เคยเห็นเขินจนหูแดงเลย ถ้าเขาหูแดง แสดงว่าเขาไม่ปกติแล้วละค่ะ"<div>
<br /></div>
แต่อย่างที่ป้าแจ๋วบอกว่า เราต้องเว้นพื้นที่ยืนให้น้องบ้างนะคะ เพราะว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้น้องเกร็งค่ะ จะเล่นจะหัวกันก็กลัวเป็นข่าว ก็กลัวโดนแซว ดังนั้นอย่าล้อน้อง อย่าจิ้นจนเกินงาม เห็นใจน้องด้วยนะคะ โดยเฉพาะน้องญาญ่า ณเดชน์ฝากมาบอกว่า<div>
"เห็นใจให้มากๆ เลยครับ สงสารน้อง อย่าให้น้องมาเสียเพราะผมเลยนะครับนะ "</div>
umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-3301453175720329702012-10-14T15:12:00.000+07:002012-10-14T21:03:26.329+07:00การไหว้บรรพบุรุษ<span style="color: red;">สารทจีน</span><br />
การไหว้สารทจีนเป็นการไหว้ครั้งที่ 5 ของปี ตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน วันนี้ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษโดยพิธีเซ่นไหว้ เนื่องจากมีความเชื่อว่าเป็นเวลาที่ประตูนรกเปิดเพื่อให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้<br />
<br />
การไหว้<br />
โดยหลักของที่ไหว้จะมีของคาว ของหวาน 3 หรือ 5 อย่าง การไหว้ในเทศกาลสารทจีนจะแบ่งการไหว้ออกเป็น 3 ชุด<br />
<ol>
<li>ไหว้เจ้าที่ : ประกอบด้วยอาหารคาวหวาน ขนมถ้วยฟู กุ้ยไช่ซึ่งต้องมีสีแดงแต้มจุดเอาไว้ ขนมเข่ง ขนมเทียน ผลไม้ น้ำชาหรือเหล้าจีน และกระดาษเงินกระดาษทอง</li>
<li>ไหว้บรรพบุรุษ : ถ้าเป็นคนที่มีฐานะนิยมไหว้โหงวแซ คือ เป็ด ไก่ หมู ตับ ปลา กับข้าวที่บรรพบุรุษชอบ ตามธรรมเนียมต้องมีน้ำแกง หรือ ขนมอี๊วางข้างชามข้าวสวย ของหวานก็มีขนมเทียน ขนมเข่ง ผลไม้ และกระดาษเงินกระดาษทอง</li>
<li>วิญญาณเร่ร่อน : ของไหว้มี ข้าวหอมแบบจีนโบราณ คอปึ้ง เผือกนึ่งผ่าเสี้ยวเป็นซีก เส้นหมี่ห่อใหญ่ ของหวาน กับผลไม้ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทองแบบเฉพาะเรียกว่า อ่วงแซจิว จัดใส่ถาด ไหว้นอกบ้าน </li>
</ol>
<br />
<br />
อ้างอิงข้อมูลจาก<br />
สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง<br />
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีumakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-84315020935993224352012-09-19T15:21:00.003+07:002012-09-19T15:21:54.884+07:00การจัดองค์ประกอบภาพ<b>กฎ 3 ส่วน</b><br />
ไม่ว่าจะเป็นแนวตั้งหรือแนวนอน หากเราแบ่งภาพนั้นออกเป็นสามส่วนทั้งตามแนวตั้งและแนวนอนโดยการลากเส้น จะเกิดจุดตัด 4 จุด ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมในการจัดวางวัตถุที่ต้องการให้เน้นเป็นจุดเด่น การจัดวางไม่จำเป็นต้องตรงจุดตัดพอดีอาจวางในบริเวณใกล้เคียงก็ได้<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-zLOa2atH4jU/UFmAfnpPZlI/AAAAAAAAJso/sE-XvUHVqu4/s1600/%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7+-+08.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="http://2.bp.blogspot.com/-zLOa2atH4jU/UFmAfnpPZlI/AAAAAAAAJso/sE-XvUHVqu4/s320/%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7+-+08.jpg" width="213" /></a></div>
<br />
นอกนั้นเรายังสามารถใช้แนวเส้นแบ่ง 3 เส้นนี้ เป็นแนวในการจัดสัดส่วนภาพทิวทัศน์ โดยให้ส่วนพื้นดินและท้องฟ้าอยู่ในอัตราส่วน 3:1 หรือ 1:3<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-hOzSYklvB7E/UFmAVd4VuEI/AAAAAAAAJsg/w3Bew2tYxb0/s1600/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87+-+07.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="214" src="http://4.bp.blogspot.com/-hOzSYklvB7E/UFmAVd4VuEI/AAAAAAAAJsg/w3Bew2tYxb0/s320/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87+-+07.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
<b>อ้างอิง</b><br />
เนื้อหา<br />
- Klongdigital.com<br />
ภาพตัวอย่าง<br />
- facebook.com/thoranee2012umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-67228808952195115022012-09-16T16:49:00.001+07:002012-11-13T20:36:15.675+07:00รองเท้า<b>Sandals</b> = รองเท้าแบบที่ค่อนข้างเปิดให้เห็นเนื้อเท้า<br />
- flip-flop sandals or thongs<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-vdm3lS_2Mt4/UFWZFj3IScI/AAAAAAAAJrY/cuu3NWSvakA/s1600/Trove_Tkees_Open_Toe_Sandals_in_Sunkissed.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="http://4.bp.blogspot.com/-vdm3lS_2Mt4/UFWZFj3IScI/AAAAAAAAJrY/cuu3NWSvakA/s200/Trove_Tkees_Open_Toe_Sandals_in_Sunkissed.jpg" width="133" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
- open-toe <br />
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-AhI8MH0aRa4/UFWZHD7imVI/AAAAAAAAJrk/GbIaChFEuj8/s1600/open+toe.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="157" src="http://1.bp.blogspot.com/-AhI8MH0aRa4/UFWZHD7imVI/AAAAAAAAJrk/GbIaChFEuj8/s200/open+toe.jpg" width="200" /></a><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
- platform<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-0_tHK9wRqOY/UFWZINi0z0I/AAAAAAAAJrw/CZeApS0384I/s1600/platform.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="http://4.bp.blogspot.com/-0_tHK9wRqOY/UFWZINi0z0I/AAAAAAAAJrw/CZeApS0384I/s200/platform.jpg" width="200" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
- high heels
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-2DHImworccQ/UFWZGq5NBnI/AAAAAAAAJrg/g0scUqQB7Xc/s1600/emilio-pucci-multi-strap-open-toe-sandals-black.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="150" src="http://3.bp.blogspot.com/-2DHImworccQ/UFWZGq5NBnI/AAAAAAAAJrg/g0scUqQB7Xc/s200/emilio-pucci-multi-strap-open-toe-sandals-black.jpg" width="200" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<b>Slippers / House shoes</b> = รองเท้าแตะแบบใส่ในบ้าน<br />
<b>Boots</b> = รองเท้าที่ยาวเลยข้อเท้าขึ้นไป<br />
<b>Sneaker</b> = รองเท้าผ้าใบ<br />
- sneaker boots<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-d8KnDR_QQ1U/UFWahu750TI/AAAAAAAAJr4/mxllogzREBs/s1600/supra-holiday-2010-sneakers-10.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="160" src="http://4.bp.blogspot.com/-d8KnDR_QQ1U/UFWahu750TI/AAAAAAAAJr4/mxllogzREBs/s200/supra-holiday-2010-sneakers-10.jpg" width="200" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
- sneaker pumps<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-6uFClwq-MbU/UFWa3MFEbZI/AAAAAAAAJsA/Rayf67rWlWk/s1600/b353f188d53f8e0b0ddf1e4b7d9ee8a5.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="http://3.bp.blogspot.com/-6uFClwq-MbU/UFWa3MFEbZI/AAAAAAAAJsA/Rayf67rWlWk/s200/b353f188d53f8e0b0ddf1e4b7d9ee8a5.jpg" width="173" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<b>Pumps </b>(American) / <b>Court shoes</b> (British) = รองเท้าส้นสูง<br />
<br />umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-11987999500875308852012-09-16T16:05:00.002+07:002012-09-16T16:05:26.854+07:00Sound the same but have different meaning P<br />
palate VS palette (เเพล' ลิท)<br />
palate n ต่อมรับรส<br />
palette n จานสี<br />
<br />
<br />umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-58161439984632181422012-09-16T15:52:00.000+07:002012-09-16T15:52:39.323+07:00SlangB<br />
Bread เงิน<br />
<br />
K<br />
Kisser ปากumakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-75069514785901756462012-09-09T17:22:00.001+07:002012-09-09T17:22:27.186+07:00EXCLUSIVE : สัมภาษณ์ ณเดชน์ "...ผมขอโทษชาวพันทิป แฟนละครเกมร้ายเกมรัก และแฟนคลับน้องญาญ่า"<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-A_42431ULMA/UExqR3m03MI/AAAAAAAAJmo/mm1UEqkfyzE/s1600/420483_348884188478160_1604638138_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="http://2.bp.blogspot.com/-A_42431ULMA/UExqR3m03MI/AAAAAAAAJmo/mm1UEqkfyzE/s400/420483_348884188478160_1604638138_n.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
credit : กระทู้ EXCLUSIVE : สัมภาษณ์ ณเดชน์ "...ผมขอโทษชาวพันทิป แฟนละครเกมร้ายเกมรัก และแฟนคลับน้องญาญ่า" โดย คุณปลาดาว ห้องเฉลิมไทย Pantip.Com<br /><br />ขอโทษชาวพันทิป<div>
<br /> "ในฐานะที่ผมเองก็เป็นสมาชิกของพันทิปคนนึงและก็เคยเข้ามาเล่นเข้ามาอ่านพันทิปในห้องเฉลิมไทยอยู่บ้าง ผมก็พอจะเข้าใจกระแสและทิศทางของห้องนี้นะครับ ว่าเป็นธรรมดาแหละครับที่พอมีเรื่องอะไรที่เป็นกระแส กระทู้ก็จะมีแต่เรื่องนั้นๆ เพราะแต่ละคนก็อยากจะพูดอยากจะคุยให้อินเทรนด์ตามกระแสก็เลยมาตั้งกระทู้กัน ทีนี้พอมันมีกระแสเยอะ คนที่เขาไม่ได้ตามกระแสก็จะเข้ามาแย้งว่ากระทู้ตามกระแสมันเยอะเกินไป (หัวเราะ)<div>
กระทู้ของผมและละครเกมร้ายเกมรักเองก็เหมือนกัน ด้วยความที่คนอินกับละครมาก กระทู้มันก็เลยเยอะ ยิ่งคนอินมากเท่าไหร่ กระทู้ก็ยิ่งเยอะมากเท่านั้น ทีนี้คนที่ไม่ได้ดูละครเรื่องนี้ เขาก็ไม่เข้าใจ พอเข้าห้องเฉลิมไทยกะจะมาหาอะไรอ่านก็งงว่าทำไมมีแต่ณเดชน์ๆ มีแต่ญาญ่าๆ มีแต่เกมร้ายเกมรัก มีแต่ชมพูแพร มีแต่พี่หมอ แต่รู้สึกว่าของผมจะมีเยอะที่สุดนะ ก็เลยโดนหนักกว่าใครเพื่อน (หัวเราะ) ในส่วนของผมเองนั้น ผมเข้าใจว่า เนื่องจากผมกับน้องญาญ่ามีกระแสจาก "ดวงใจอัคนี" มาก่อน ก่อนที่จะเล่นเรื่องนี้ คนก็เลยคาดหวังกันเยอะว่าผมกับน้องจะประสบความสำเร็จเหมือนเดิมอีก รวมทั้งละครเกมร้ายฯก็มีการโปรโมทเยอะ ยิ่งโปรโมทเยอะ คนก็ยิ่งอยากดู พอคนรอดูแล้วได้เห็นสิ่งที่สมหวังและไม่สมหวัง คนก็มาระบายด้วยการตั้งกระทู้ มีอะไรก็ตั้งกระทู้ไว้ก่อน (หัวเราะ)<br /> ทีนี้อะไรที่มันเยอะเกินไป มันก็เฝือ รวมทั้งกระทู้ที่มีคนตั้งถึงผมด้วย ถ้าใครไม่ชอบกระทู้ที่เขียนถึงผมทั้งกระทู้อวยและกระทู้ด่า ผมก็ขออนุญาตขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เพราะว่าที่นี่เป็นบอร์ดสาธารณะ ใครนึกอยากเขียนอะไรก็เขียนได้เลย คนเขียนนี่เขียนกันโครม ๆ ณเดชน์ๆ ณเดชน์อย่างนู้นณเดชน์อย่างนี้ สารพัดณเดชน์ ฯลฯ แต่คนถูกเขียนถึงก็ไม่รู้เลยครับว่าถูกเขียนถึง เรียกว่าไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยด้วยซ้ำ <br /> แต่ผมก็เข้าใจนะ ว่าคนพันทิปไม่ได้เกลียดผม เพียงแต่ไม่อยากเห็นกระทู้ที่เกี่ยวกับผมมากจนเกินพอดี ผมเข้าใจนะว่ามีคนชอบก็ต้องมีคนชังเป็นธรรมดา เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะทำให้ทุกคนถูกใจ เพราะบางครั้งผมก็ยังทำอะไรไม่ถูกใจตัวผมเองเลย (หัวเราะ)<br /> สำหรับกระทู้ในพันทิปที่เขียนถึงผม ส่วนมากผมรับได้หมดนะครับ อันไหนมีข้อแนะนำดีๆ ผมก็เก็บเอาไปปรับปรุง แต่ถ้าอันไหนเขียนถึงชาติกำเนิดของผมแบบแรงๆ ผมยอมรับว่าบางครั้งก็มีบ้างที่ผมเสียใจ เพราะผมถือว่า พันทิปเป็นที่พิเศษที่เดียวที่แม่ผมมาให้สัมภาษณ์เคลียร์ทุกอย่างที่นี่แล้ว และแม่ก็ไม่เคยสัมภาษณ์กับสื่ออื่นเลย ทั้งๆที่สื่อแทบทุกสื่อต้องการข่าวนี้กันทั้งนั้น ลำพังผมเองเสียใจไม่เท่าไหร่ แต่ผมไม่อยากเห็นแม่กับป๊า (พ่อชาวญี่ปุ่น) เสียใจอีกครับ"<br />
<br />
<br /><br />ขอโทษแฟนคลับน้องญาญ่า<br /> " เรื่องนี้อย่างที่รู้กันว่าผมกับน้องมีฉากกุ๊กกิ๊กเข้าพระเข้านางกันเยอะมาก และก็อย่างที่ผมให้สัมภาษณ์ไป คือ ผมเองก็รู้สึกนะ ไม่ใช่ไม่รู้สึก ผมเกรงใจน้อง เกรงใจคุณแม่น้อง น้องเป็นผู้หญิงทำให้ดูไม่งาม และยังไงผู้หญิงก็ต้องเสียเปรียบวันยังค่ำ ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่เข้าฉากแบบนี้ ผมก็เลยขอโทษน้องกับคุณแม่น้องตลอด แต่ว่าผมยังไม่เคยขอโทษแฟนคลับน้องเลย ผมขอถือโอกาสนี้ขอโทษทุกคนที่รักญาญ่าด้วยนะครับ" <br /><br />- ระหว่างส่วนที่อยู่ในเกาะกับส่วนเข้ากรุง ถ้าเลือกได้ ณเดชน์อยากเล่นกุ๊กกิ๊กกับญาญ่าที่ไหนมากกว่ากันครับ<br /> อืม ตามบทแล้วมันจำเป็นต้องนัวเนียกันทั้งสองพาร์ทเลยนะครับ มันเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าต้องเลือก ผมขอเลือกพาร์ทบนเกาะดีกว่านะ เพราะว่าพาร์ทบน เกาะ ผมไม่ต้องทำร้ายน้องเนื่องจากมันมีแต่เกมรัก ไม่มีเกมร้าย (หัวเราะ) ส่วนพาร์ทในเมืองมันเป็นตบจูบๆ จุดนี้ ผมสงสารน้องมากเลย เพราะไหนจะต้องมาเล่นฉากเลิฟซีนกับผม แล้วไหนจะต้องมาถูกผมฉุดกระชากลากถูอีก น้องยิ่งผิวบางๆ อยู่ด้วย แล้วที่สำคัญคือน้ำเหลืองน้องไม่ค่อยดี ขนาดถูกยุงกัดขานิดเดียว ขายังลายพร้อย แล้วนี่มาถูกผมเล่นงานอีก (หัวเราะ) <br /> ตอนแรกผมก็คิดว่าผมออมมือให้แล้วนะเพราะผมเองก็กลัวน้องจะเจ็บเหมือนกัน แต่วันรุ่งขึ้น น้องบอก พี่ณเดชน์ช่วยเล่นเบาๆ หน่อยนะ หนูเจ็บ ผมก็ไม่เชื่อ แต่แล้วก็ต้องอึ้ง เมื่อน้องยื่นรอยเขียวๆ ให้ดู บางทีเป็นรอยนิ้วมือผมเลยนะ ผมก็ได้แต่ขอโทษน้อง และก็รู้สึกผิดกับน้อง แต่ว่าก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะต้องทำไปตามบท บางทีน้องดิ้นน้องหนี ผมก็ต้องตามลากตามจับตามอุ้มมาให้ได้ มันก็เลยเกิดการสู้แรงกัน แล้วบางครั้งมันต้องเล่นหลายเทค น้องก็เลยช้ำไปทั้งตัวครับ</div>
</div>
<div>
<br /></div>
- ถามจริงนะ ฉากอุ้มญาญ่าบนเกาะแล้วมีตีก้นนี่ ตีจริงหรือเปล่าครับ<br /> ตีจริงครับ <br /><br />- อ้าวไหนว่าช่วยเซฟให้น้อง แล้วตีจริงทำไม เห็นตีตั้งหลายป้าบ<br /> มันมันเขี้ยวครับ -(ตอบแบบอ้อมแอ้มๆ)<br /><br />- อะอะอะไรนะครับ ว่าอะไรนะ<br /> ผมมันเขี้ยวน้องครับ -(ทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันประกอบด้วย) ก็เลยตีจริง<br /><br />-ฉากหอมแก้มฟอดๆ นั่นก็อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะมันเขี้ยวด้วย<br /> (หูแดง)<div>
<br /></div>
<div>
ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย<br />ณ จุดนี้ จขกท.ไปไม่เป็นเลยค่ะ ณเดชน์รู้มั้ยว่า คำว่า "มันเขี้ยว" แปลว่าอะไร </div>
<div>
คำว่า "มันเขี้ยว" ในพจนานุกรมแปลว่า อยากกัดอยากกินอยู่เรื่อยๆ นะลูกนะ <br />จะใช้คำอะไรก็ขอให้รู้ความหมายของมันถูกๆ ก่อนพูดหน่อย เดี๋ยวจะเหมือนคำ "ผู้บ่าว" ที่ญาญ่าพูดโดยไม่รู้ความหมายเด้อค่ะ เด้อ </div>
<div>
<br /></div>
<div>
เรื่อง "ผู้บ่าว" เหรอคะ ฮี่ๆๆ อันนี้ไม่ได้ถามพ่อ ณ เค้าเองเพราะกลัวพ่อคุณจะเขิน แต่แอบถามคนใกล้ชิดน้องมา ได้ความดังนี้ค่ะ<br /> เวลาญาญ่าไปทำกิจกรรมสินค้าให้ยำยำกับณเดชน์ทางอีสาน เวลาแฟนๆ ชาวอีสานเห็นแต่ญาญ่า ไม่เห็นณเดชน์ก็จะถามตลอดว่า "ผู้บ่าวไม่มาเหรอ" ญาญ่าก็จะตอบว่า เดี๋ยวผู้บ่าวตามมาค่ะ พอตอบแบบนี้แล้วเห็นคนยิ้มคนหัวเราะชอบใจ ญาญ่าก็ชอบ<br /> พอญาญ่ามาถามณเดชน์ว่า ผู้บ่าวแปลว่าอะไร ณเดชน์ก็ไม่ยอมตอบ ได้แต่หัวเราะขำ ญาญ่าก็เลยคิดว่าคำนี้เป็นคำที่เรียกผู้ชาย มีความหมายประมาณพี่ชาย เพราะไปไหนที่อีสานก็มีแต่คนพูดกับญาญ่าอย่างนี้ตลอด ญาญ่าก็เลยยกให้ณเดชน์เป็นผู้บ่าวของญาญ่ามาตั้งแต่นั้น จนกระทั่งความแตกในรายการสตาร์ แชท ค่ะ<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<div>
ขอโทษแฟนละครเกมร้ายเกมรัก</div>
<div>
<br /></div>
" ที่อยากจะขอโทษอันแรกคือเรื่องคำว่า "ข่มขืน" ที่ผมสื่อความหมายผิดไปซึ่งอันนี้ผมได้ขอโทษไปแล้วจากการสัมภาษณ์คราวที่แล้ว คราวนี้ที่อยากจะขอโทษอีกเรื่องก็คือเรื่องที่บอสชาร์ลส์เกรียนกับฟ้าลดาและทำให้ฟ้าลดาเจ็บครับ <br /> ผมเองยอมรับว่าตอนแรกก็ไม่เข้าใจการกระทำแบบนี้ของคุณชาร์ลส์เลยนะครับ คือผมเองผมก็สับสนนะว่าทำไมตอนหลังคุณชาร์ลส์ถึงได้ถึกควายทุยขนาดนี้ (หัวเราะ) แต่ก็อาศัยพี่แอ้วคอยช่วยอธิบายถึงได้เข้าใจว่า นอกจากจะมีคนชง คือแพรชมพูกับยาซะแล้ว คุณชาร์ลส์ยังน้อยเนื้อต่ำใจกับอดีตของตัวเอง คิดว่าที่ฟ้าลดาแกล้งทำเป็นจำไม่ได้เป็นเพราะไม่อยากมีสามีเป็นชาวเกาะแบบตัวเอง ประกอบกับหึงเมียจนหน้ามืด กลัวใครจะคาบไป....ก็เลยเกรียนอย่างที่เห็น (หัวเราะ) <br /> พอพี่แอ้วอธิบาย ผมก็เลยเข้าใจ แต่ถึงจะเข้าใจยังไง มันก็ถ่ายทอดออกมาได้ยากครับ ผมรู้เลยว่าบางทีผมหลุด บางทีหลุดชาร์ลส์เป็นสายชล บางทีก็หลุดมาเป็นตัวเองเลยก็มี อย่างฉากเที่ยวที่อัมพวา หรือฉากที่แกล้งโยนญาญ่าลงทะเลนั่น ผมว่าผมหลุดมาเป็นณเดชน์นิดๆ นะ (หัวเราะ) </div>
</div>
umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-69397250646526236112012-09-09T16:25:00.001+07:002012-09-09T16:30:55.624+07:00เฟรนซ์ฟราย<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-FzPdwTg-HRU/UExaU8O8BJI/AAAAAAAAJlg/DyCbIAhjr-g/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2+(1).JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="300" src="http://4.bp.blogspot.com/-FzPdwTg-HRU/UExaU8O8BJI/AAAAAAAAJlg/DyCbIAhjr-g/s400/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2+(1).JPG" width="400" /></a></div>
<br />
<div style="text-align: left;">
เจ้าของสูตร : คุณปูขาเก เซมารู @ห้องก้นครัว Pantip.com
</div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div class="" style="clear: both; text-align: left;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-4o3PQ_nuMoY/UExaWgabYMI/AAAAAAAAJlo/ZmXuFwRR4s4/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2+(2).JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="http://2.bp.blogspot.com/-4o3PQ_nuMoY/UExaWgabYMI/AAAAAAAAJlo/ZmXuFwRR4s4/s320/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2+(2).JPG" width="320" /></a></div>
<div class="" style="clear: both; text-align: left;">
1. ปอกมันฝรั่ง แล้วก็หั่นเป็นเส้นยาวๆ ปริมาณปกติต่อการกิน 1 ครั้ง/คน ประมาณ 1 หัวขนาดกลางก็พอ</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-zMcFOM89JTQ/UExaQ_6jO6I/AAAAAAAAJlQ/tYaj0AVDmAY/s1600/DSCF5966.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="http://1.bp.blogspot.com/-zMcFOM89JTQ/UExaQ_6jO6I/AAAAAAAAJlQ/tYaj0AVDmAY/s320/DSCF5966.JPG" width="320" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
2. นำมันฝรั่งที่หั่นแล้วไปล้างน้ำ ขัดสีฉวีวรรณสักนิดให้เศษคราบต่างที่ติดตอนปอก และคราบแป้งจากตัวมันฝรั่งหลุดออกไป</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-dkHvRxdglCE/UExaYn5rEgI/AAAAAAAAJlw/fN1AQW6eaN0/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2+(3).JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="http://4.bp.blogspot.com/-dkHvRxdglCE/UExaYn5rEgI/AAAAAAAAJlw/fN1AQW6eaN0/s320/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2+(3).JPG" width="320" /></a></div>
<div class="" style="clear: both; text-align: left;">
3. ล้างสะอาดแล้ว ก็ตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำค่ะ </div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-f0pN91oycPc/UExaacuxF4I/AAAAAAAAJl4/kpm3-mtRz9Y/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2+(4).JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="http://3.bp.blogspot.com/-f0pN91oycPc/UExaacuxF4I/AAAAAAAAJl4/kpm3-mtRz9Y/s320/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2+(4).JPG" width="320" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
4. ตั้งกะทะ ใส่น้ำมันปริมาณน้ำมันให้สูงสักครึ่งหนึ่งของชิ้นมันฝรั่ง แล้วอุ่นให้ร้อน พอน้ำมันเริ่มระเหยเป็นควันเล็กน้อย ลองโยนมันฝรั่งลงไปสัก 2 - 3 ชิ้น ถ้ามีเสียงฉ่า หรือแตกกระจายโจมตีคนทอดเล็กๆเป็นอันใช้ได้ ส่วนเวลาทอดก็สังเกตว่ามันฝรั่งเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลือง </div>
<div class="separator" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em; text-align: center;">
<img border="0" height="240" src="http://2.bp.blogspot.com/-Cs6C4k7uJSg/UExaeRIADvI/AAAAAAAAJmI/wZVkPHNQl3Y/s320/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2+(6).JPG" width="320" /></div>
<div class="" style="clear: both; text-align: left;">
5. เสร็จแล้วช้อนมาเรียงใส่ภาชนะรองด้วยกระดาษซับน้ำมันส่วนเกินออกสักหน่อย แล้วเอาเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมงค่ะ</div>
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-Cs6C4k7uJSg/UExaeRIADvI/AAAAAAAAJmI/wZVkPHNQl3Y/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2+(6).JPG" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"></a><img border="0" height="240" src="http://2.bp.blogspot.com/-923tGuMIyZw/UExaS5HPPvI/AAAAAAAAJlY/TVS9W0OApi0/s320/DSCF5968.JPG" width="320" /><br />
<div>
6. เอาลงทอดในกระทะอีกรอบ คอยคนอย่าให้ไหม้ พอส่วนปลายเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มก็รีบช้อนอย่างด่วน</div>
<div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-SBTi5uAzv9g/UExacUJyFEI/AAAAAAAAJmA/ImzJWgYUM-Q/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2+(5).JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="http://1.bp.blogspot.com/-SBTi5uAzv9g/UExacUJyFEI/AAAAAAAAJmA/ImzJWgYUM-Q/s320/%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2+(5).JPG" width="320" /></a></div>
<div class="" style="clear: both; text-align: left;">
7. วางเฟรนซ์ฟรายที่ทอดแล้วลงบนกระดาษเพื่อซับความมัน เป็นอันเสร็จขั้นตอน</div>
</div>
umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-2546150832996684682012-09-07T11:17:00.000+07:002012-09-07T11:17:11.248+07:00เลือกเครื่องดื่มตามกรุ๊ปเลือด<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-TxVVjPJ9gIQ/UEly37zniDI/AAAAAAAAJhU/7OPQ4tJUg00/s1600/MP900407342.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="http://1.bp.blogspot.com/-TxVVjPJ9gIQ/UEly37zniDI/AAAAAAAAJhU/7OPQ4tJUg00/s320/MP900407342.JPG" width="247" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
กรุ๊ป O</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
จะมีกรดในกระเพาะอาหารสูง สามารถย่อยอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ควรกินอาหารจำพวกแป้งมากเกินไปเพราะจะย่อยยาก เครื่องดื่มที่เหมาะกับเลือกกรุ๊ปนี้คือ น้ำสับปะรด น้ำลูกพรุน แต่ไม่ควรดื่มน้ำแอปเปิ้ล น้ำส้ม น้ำกระหล่ำปลี</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
กรุ๊ป A</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
กรุ๊ปนี้จะตรงข้ามกับกรุ๊ป O จะมีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ จำเหมาะกับอาหารมังสวิรัติ และควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ เครื่องดื่มที่เหมาะกับคนเลือดกรุ๊ป A คือ น้ำแอปปริคอต น้ำแครอต น้ำเซเลรี น้ำเกรปฟรุต น้ำสับปะรด น้ำมะนาว เพราะมีวิตามินซีสูง แต่ไม่ควรดื่มน้ำส้ม น้ำมะละกอ น้ำมะเขือเทศ</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
กรุ๊ป B</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
คนเลือดกรุ๊ปนี้ควรกินอาหารจำพวกผักใบเขียว ตับ ไข่ นมไขมันต่ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญ และควรดื่มน้ำกะหล่ำปลี น้ำแครนเบอร์รี่ น้ำองุ่น น้ำมะละกอ น้ำสับปะรด แต่ไม่ควรดื่มน้ำมะเขือเทศ</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
กรุ๊ป AB</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
คนเลือดกรุ๊ปนี้ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี เช่น บรอกโคลี เชอร์รี่ ส้มโอ เกรปฟรุต กะหล่ำปลี และดื่มน้ำแครอต น้ำเซเลรี น้ำเครนเบอร์รี่ น้ำองุ่น และน้ำมะละกอ เพราะช่วยต้านมะเร็งได้ แต่ไม่ควรดื่มน้ำส้มเพราะทำให้ย่อยยาก</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
แหล่งที่มา</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
จดหมายข่าวชุมชนคนรักสุขภาพ สร้างสุข ปีที่ 8 ฉบับที่ 123 มกราคม 2555</div>
<br />umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-61929993223036606382012-09-05T20:57:00.000+07:002012-09-05T21:00:41.841+07:00ดื่มน้ำตามธาตุ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-AhQ-U75qQH4/UEdW8NQPjPI/AAAAAAAAIXM/Z6s8b9pAHWw/s1600/MP900431722.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="http://4.bp.blogspot.com/-AhQ-U75qQH4/UEdW8NQPjPI/AAAAAAAAIXM/Z6s8b9pAHWw/s200/MP900431722.JPG" width="200" /></a></div>
<span style="color: #b45f06;"><br /></span>
<span style="color: #b45f06;">ธาตุดิน</span><br />
ราศีพฤษภ 14 พฤษภาคม - 14 มิถุนายน<br />
ราศีกันย์ 16 กันยายน - 16 ตุลาคม<br />
ราศีมังกร 13 มกราคม - 12 กุมภาพันธ์<br />
เหมาะกับน้ำผักและผลไม้ที่มีรสฝาด หวาน มัน เค็ม เช่น น้ำฝรั่ง น้ำมะตูม น้ำกระท้อน น้ำมะกอก น้ำมะขามป้อม น้ำลูกหว้า น้ำแตงโม น้ำมะละกอ น้ำกล้วยหอม น้ำขนุน น้ำเงาะ น้ำน้อยหน่า น้ำละมุด ฝรั่ง น้ำลำใย น้ำอ้อย น้ำข้าวโพด น้ำฟักทอง น้ำแห้ว และน้ำที่ออกรสเค็ม<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-sRRUp8pyVvU/UEdXOTqf-jI/AAAAAAAAIXU/Bu-WTcOsMTY/s1600/MP900444789.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="154" src="http://2.bp.blogspot.com/-sRRUp8pyVvU/UEdXOTqf-jI/AAAAAAAAIXU/Bu-WTcOsMTY/s200/MP900444789.JPG" width="200" /></a></div>
<span style="color: blue;"><br /></span>
<span style="color: blue;">ธาตุน้ำ</span><br />
ราศีกรกฏ 16 กรกฎาคม - 16 สิงหาคม<br />
ราศีพิจิก 16 พฤศจิกายน - 15 ธันวาคม<br />
ราศีมีน 13 มีนาคม - 12 เมษายน<br />
เหมาะกับผักและผลไม้รสเปรี้ยว รสขม เช่น น้ำมะขาม น้ำมะนาว น้พกระเจี๊ยบแดง น้ำมะยม น้ำส้มโอ น้ำมังคุด น้ำมะเขือเทศ น้ำสับปะรด น้ำส้มเขียวหวาน น้ำลางสาด น้ำลิ้นจี่ น้ำเชอรี่ น้ำองุ่น น้ำชมพู่ น้ำทับทิม น้ำพุทรา น้ำสตรอเบอรี่ น้ำมะขวิด น้ำมะปราง น้ำมะเฟือง น้ำมะไฟ น้ำมะม่วง น้ำมะระขี้นก น้ำเห็ดหลินจือ น้ำใบบัวบก<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-IuOX-jm0OzQ/UEdYojPPdGI/AAAAAAAAIZo/I1C5gEPN92U/s1600/MP900433163.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="http://2.bp.blogspot.com/-IuOX-jm0OzQ/UEdYojPPdGI/AAAAAAAAIZo/I1C5gEPN92U/s200/MP900433163.JPG" width="200" /></a></div>
<br />
<span style="color: lime;">ธาตุลม</span><br />
ราศีเมถุน 15 มิถุนายน - 15 กรกฎาคม<br />
ราศีตุลย์ 16 ตุลาคม - 16 พฤศจิกายน<br />
ราศีกุมภ์ 13 กุมภาพันธ์ - 13 มีนาคม<br />
เหมาะกับน้ำผักผลไม้ที่มีรสเผ็ดร้อน เช่น น้ำกระเพราแดง น้ำขิง น้ำข่า น้ำตะไคร้<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-Ul3nu9k25oI/UEdZ9ip2AVI/AAAAAAAAIaw/cxwiGmEKTTk/s1600/MP900448748.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="150" src="http://2.bp.blogspot.com/-Ul3nu9k25oI/UEdZ9ip2AVI/AAAAAAAAIaw/cxwiGmEKTTk/s200/MP900448748.JPG" width="200" /></a></div>
<br />
<span style="color: red;">ธาตุไฟ</span><br />
ราศีเมษ 13 เมษายน - 13 พฤษภาคม<br />
ราศีสิงห์ 16 สิงหาคม - 16 กันยายน<br />
ราศีธนู 16 ธันวาคม - 13 มกราคม<br />
เหมาะกับน้ำผัก ผลไม้รสหอมเย็น รสจืด เช่น น้ำลูกเดือย น้ำเม็ดแมงลัก น้ำอาร์ซี น้ำแตงไทย น้ำมะพร้าว น้ำรากบัว น้ำลูกจาก น้ำลูกตาลอ่อน น้ำผักคะน้า น้ำผักตำลึง น้ำแตงกวา น้ำคึ่นช่าย น้ำดอกคำฝอย น้ำว่านหางจระเข้ น้ำกะหล่ำปลี น้ำกวางตุ้ง<br />
<br />
แหล่งที่มา<br />
จดหมายข่าวชุมชนคนรักสุขภาพ ฉบับสร้างสุข ปีที่ 8 ฉบับที่ 123 มกราคม 2555umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-44354480079443178262012-08-07T16:49:00.001+07:002012-08-07T16:49:29.096+07:00รูรับแสง<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-J1sDNX5Z7Lo/UCDiBiAa6oI/AAAAAAAAG-c/hwVXPlW_VcU/s1600/aperture.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="165" src="http://3.bp.blogspot.com/-J1sDNX5Z7Lo/UCDiBiAa6oI/AAAAAAAAG-c/hwVXPlW_VcU/s320/aperture.gif" width="320" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
</div>
<br />รูรับแสง คือ ช่องซึ่งทำหน้าที่ควบคุมปริมาณแสง<br /><div>
ค่า F คือ ความกว้างของรูรับแสง<br />ค่า F น้อย = รูกว้าง = แสงเข้ามาก = ภาพชัดตื้น<br />ค่า F มาก = รูแคบ = แสงเข้าน้อย = ภาพชัดลึก<br /> <br />แหล่งที่มา<br /><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
เนื้อหา : </div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
ดีไซน์ภาพด้วยรูรับแสง http://www.ilovetogo.com</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
ภาพ : </div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
http://wordsandlens.blogspot.com</div>
</div>umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-24388221794604498192012-08-05T00:42:00.001+07:002012-08-05T00:42:39.457+07:00วิธีพับซองใส่ CD<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-q1HkdZ9rofk/UB1ecksq4zI/AAAAAAAAG7s/Fegcj6XbNuI/s1600/224961_317866754965650_1322636067_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="http://3.bp.blogspot.com/-q1HkdZ9rofk/UB1ecksq4zI/AAAAAAAAG7s/Fegcj6XbNuI/s640/224961_317866754965650_1322636067_n.jpg" width="448" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
credit : themetapicture.com</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
เหมาะสำหรับพับส่งงานอาจารย์เนอะ กระดาษ A 4 แผ่นเดียวอยู่ </div>
<br />umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-71091064640657882822012-08-02T20:28:00.000+07:002012-08-02T20:29:19.473+07:00“มหัศจรรย์แห่งชีวิต ๗ หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี”<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/--2YTPTGBnBY/UBp_tp2amNI/AAAAAAAAG6M/nrLkwOEYpLM/s1600/MP900402771.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="http://1.bp.blogspot.com/--2YTPTGBnBY/UBp_tp2amNI/AAAAAAAAG6M/nrLkwOEYpLM/s320/MP900402771.JPG" width="320" /></a></div>
<br />
<br />
บางส่วนจากหนังสือ“มหัศจรรย์แห่งชีวิต ๗ หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี” เป็นการตอบคำถาม 20 ข้อ ที่น่าสนใจมาก<br />
<br />
๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน? <br />
ไม่ อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก <br />
ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ <br />
<br />
๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี? <br />
(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด <br />
(๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง <br />
(๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว <br />
(๔) ขออย่าให้ตายในสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันเอง <br />
<br />
๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี? <br />
ปลาที่ยังเป็น อยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ <br />
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ <br />
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข <br />
<br />
๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน? <br />
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน <br />
รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน <br />
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน <br />
<br />
๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา? <br />
โบราณว่าไม่มี ใครเตะหมาที่ตายแล้ว <br />
คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย <br />
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์ <br />
ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง <br />
<br />
๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี? <br />
(๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง <br />
(๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน <br />
(๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ <br />
ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา <br />
<br />
๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร? <br />
เขาแย่งจากเรา ได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น <br />
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้ <br />
<br />
๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี? <br />
(๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ <br />
(๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ <br />
(๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน <br />
สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ <br />
<br />
๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร? <br />
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม <br />
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี <br />
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้ <br />
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา <br />
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา <br />
<br />
๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี? <br />
(๑) หางานใหม่ <br />
(๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก <br />
(๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ <br />
(๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอด <br />
จ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่ <br />
<br />
๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย? <br />
คนที่ด่าคนอื่น สะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง <br />
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า <br />
แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย <br />
<br />
๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม? <br />
ถ้าไถ่แล้วโค อยู่รอด คุณได้บุญ <br />
แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาป <br />
แทนที่จะไถ่โคกระบือ <br />
คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า <br />
<br />
๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน? <br />
ขอให้คิดว่า อย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน <br />
ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน <br />
<br />
๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี? <br />
มีลูกค้า จู้ จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียน <br />
ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน <br />
ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ <br />
<br />
๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร? <br />
(๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร <br />
(๒) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาจากใคร <br />
( ๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง <br />
<br />
๑ ๖. สวดมนต์บทไหนดี? <br />
(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น <br />
(๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ <br />
(๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง<br />
<br />
๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี? <br />
(๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู <br />
(๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น <br />
(๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส <br />
เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด <br />
<br />
๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก? <br />
(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป <br />
(๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย <br />
(๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน <br />
<br />
๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม? <br />
ท่านพุทธ ทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า <br />
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน <br />
<br />
๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ? <br />
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์ <br />
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน <br />
มองอย่างพินิจจะพบว่า ในดีมีเสีย ในเสียมีดี <br />
ไม่อยากให้ข้อความดีๆแบบนี้อยู่แค่ในกล่องเมลล์ แล้ววันนึงเราก็จะลืมมันไปหวังว่ามันจะมีประโยชน์ต่อคนที่เข้ามาอ่านบ้างนะ <br />
<br />umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-18470623869998362212012-08-01T21:17:00.001+07:002012-08-01T21:17:16.545+07:00รู้จักตัวตนจากเวลาเกิด<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-W9WwTTJy2Rk/UBk5lF8KkvI/AAAAAAAAG3k/cRpOsk8WFD0/s1600/MP900399702.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="http://4.bp.blogspot.com/-W9WwTTJy2Rk/UBk5lF8KkvI/AAAAAAAAG3k/cRpOsk8WFD0/s400/MP900399702.JPG" width="318" /></a></div>
<br />ผู้ที่เกิดเวลาตี 5 ถึง 7 โมงเช้า<div>
ช่วงเวลานี้เป็นเวลากระต่ายจะทำให้คุณเป็นคนรักสวยรักงาม ทำอะไรละเอียดอ่อน สะอาดสะอ้าน ชอบแต่งตัวให้ดูดีเสมอ บุคลิกของคุณจะค่อนข้างสุภาพดูอ่อนโยน พูดจาหวานและนอบน้อมถ่อมตัว มีมารยาทเป็นเลิศ ดูแล้วผู้ดี๊ผู้ดี สงบ เงียบ เรียบร้อย เป็นผู้ใหญ่ด้านนิสัยใจคอแม้จะดูเงียบนุ่มปานนั้น ลึก ๆ มั่นใจและทะเยอทะยานไม่น้อย เป็นคนเข้ม แข็งข้างใน รู้จักระมัดระวังรอบคอบ เป็นนักการทูต จิตวิทยาสูง มีความเข้าอกเข้าใจคนอื่นดี ใจกว้าง โกรธง่ายหายไว จิตใจดี ใจอ่อน ชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือ รสนิยมดี<br /><br />ผู้ที่เกิดเวลา 7 โมงเช้าถึง 9 โมงเช้า</div>
<div>
เวลานี้เป็นเวลามังกรบุคลิกของคุณจะดูหยิ่งทะนงมากท่าทางสง่าผ่าเผย ดูหัวสูง ติดหรู ความทะเยอทะยานจะเห็นได้ชัด คุณดูน่าเกรงใจ เข้าถึงยาก มีความเป็นผู้นำสูง นิสัยของคุณจริง ๆ แล้วเป็นคนใจกว้างและเด็ดเดี่ยว รักศักดิ์ศรี โมโหร้าย บุ่มบ่าม มุทะลุ ทำอะไรต้องตรงไปตรงมาไม่ชอบเรื่องเล่ห์เหลี่ยม ในด้านดีอยู่ที่เป็นหลักพึ่งพิงได้ รับผิดชอบสูงและขี้สงสาร เป็นคนที่มีประสิทธิภาพสูงทีเดียวนะ อนาคตของคุณค่อนข้างแจ่มแจ๋วด้วยความมุ่งมั่นบากบั่นของคุณนั่นแหละ<br /><br />ผู้ที่เกิดเวลา 9 โมงเช้าถึง 11 โมงเช้า</div>
<div>
คนที่เกิดสายๆ เวลานี้ซึ่งเป็น เวลางูโดยมากจะหน้าตาดี แต่งตัวดีเสมอ ด้วยของหรูหราราคาแพงหรือมียี่ห้อ ภาพพจน์ของคุณต้องมาก่อนเสมอบุคลิกของคุณดูเงียบขรึม เรียบร้อยสุภาพนุ่มนวล มายาทดี พูดจาหวานหูชื่นใจ นิสัยข้างในค่อนข้างฉลาดเก็บความรู้สึกและความต้องการได้นิ่งลึกมาก คุณรักการแข่งขันชิงดีชิงเด่น มีความทะเยอทะยานสูง ชอบทำตัวเด่น อยากมีชื่อเสียง เป็นนักวางแผนผู้ชาญฉลาดใจแข็งไม่หวั่นไหวอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ ถ้าจะล้วงความลับจากตัวคุณคง ไม่ง่ายนักหรอก<br /><br />ผู้ที่เกิดเวลา 11 โมงเช้าถึงบ่ายโมง</div>
<div>
เวลาเกิดช่วงนี้เป็นเวลาม้าทำให้คุณมีบุคลิกของนักกีฬาแข็งแรงอดทน ร่าเริงคึกคัก ชอบสนุกสนาน เรื่องตลกโปกฮาล่ะ ชอบนัก ความที่รักอิสระเสรีกับการเป็นนักผจญภัย ถือเป็นจุดเด่นในตัวคุณ มีความเป็นตัวของตัวเอง ชอบแหกกฎ นิสัยของคุณเป็นคนใจกว้าง กระตือรือร้นมากแต่รอบคอบไม่เป็น ใจร้อน ชอบทำก่อนคิด กล้าลุยไปข้างหน้าจิตใจเข้มแข็ง มานะบากบั่น มีความจริงใจสูง รักเพื่อนและครอบครัว เวลามีทิฐิจะเป็นคนหัวแข็ง ดื้อรั้นสุด ๆ เวลาน่ารักจะมีชีวิตชีวาน่าตื่นเต้นเจอมรสุมก็ยังลุกขึ้นสู้ได้ ยิ้มได้ทั้งน้ำตาเลยนะคุณน่ะ<br /><br />ผู้ที่เกิดเวลาบ่ายโมงถึงบ่าย 3 โมง</div>
<div>
คุณที่เกิดเวลานี้เป็นเวลาแพะจะเป็นคนใจดีอ่อนโยนจนถึงขั้นขลาดเขิน บุคลิกท่าทางของคุณจะสุภาพอ่อนโยน นุ่มนวลมีมารยาท ดูสุขุมใจเย็น ไม่มีพิษไม่มีภัย ขี้อายแต่มีความคิดสร้างสรรค์ ช่างฝัน มีไอเดียมัน ๆ กับเรื่องตลกจี้เส้นที่ทำให้หัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลบางเวลาดูเศร้าซึมเพราะชอบคิดมากเกินเหตุ จิตใจดีทำร้ายใครไม่เป็น ถ้าถูกรังแกจะสู้ยิบตา มีความมั่นใจซ่อนไว้ใต้ท่าทางอ่อนโลกติ๋ม ๆ คุณเป็นคนซื่อตรงรักสงบ เกลียดความรุนแรง อะไร ๆ ก็ดีหมดยกเว้นเรื่องดื้อรั้นของคุณ ครองแชมป์ตลอดกาลเลย<br /><br />ผู้ที่เกิดเวลาบ่าย 3 โมงถึง 5 โมงเย็น</div>
<div>
คุณที่เกิดเวลาบ่าย ๆซึ่งเป็น เวลาของลิงจะมีอิทธิพลทำให้คุณค่อนข้างแอ็กทีฟไม่อยู่เฉย บุคลิกของคุณดูเปิดเผย ใจร้อน และซุ่มซ่ามนิสัยของคุณเหมือนเด็ก ๆ ชอบเล่นพิสดาร คุณเป็นคนฉลาดหัวไว มีไหวพริบกล้าพูดกล้าทำ ตรงไปตรงมา เป็นนักวางแผนและรู้จักเอาตัวรอดมีเล่ห์กลแต่ไม่ทำร้ายใครลับหลัง มีความสามารถรอบตัว ปรับตัวเข้ากับคนได้ทุกระดับ ทุ่มเทกับการงานมาก งานดีเชื่อมือได้ เสน่ห์ในตัวอยู่ที่ความขี้เล่นมีชีวิตชีวาเฮฮา แม้ท่าทางจะดูคล้ายกะล่อนเล็ก ๆ แต่ก็หนักแน่นจริงใจมากนะ<br /><br />ผู้ที่เกิดเวลา 5 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม</div>
<div>
ช่วงหัวค่ำเป็นเวลาไก่ส่งผลให้คุณเป็นคนเข้มแข็ง หยิ่งยโสหัวรุนแรง ขวางโลก และหัวโบราณ คุณเป็นคนที่ชอบแต่งตัว ใช้แต่ของดีมีราคา บุคลิกขี้อวดไม่ใช่เล่น ว่าฉันเนี่ยรสนิยมดีนะ ในส่วนลึกของจิตใจคุณเป็นนักอนุรักษ์นิยม เจ้าระเบียบ จู้จี้ ขี้บ่นเก่ง หงุดหงิดง่ายดาย ไม่ยอมเสียเงินแบบไร้ค่า ยกเว้นเรื่องภาพพจน์ล่ะก็โอ.เค.คุณมีหัวในการบริหาร ควบคุม มีความเด็ดขาดละเอียดถี่ถ้วน ต่อสู้กับอุปสรรคไม่มีถอย ยามอารมณ์ดีจะเป็นคนสนุก ชอบล้อเล่น ใจกว้าง มีน้ำใจนักกีฬา ไม่ชอบการใช้อำนาจเกลียดคนอวดเบ่งที่สุด<br /><br />ผู้ที่เกิดเวลา 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม</div>
<div>
คุณทีเกิดช่วงเวลานี้เป็น เวลาของหมาทำให้คุณเป็นคนรักคุณธรรม ความถูกต้องซื้อสัตย์จริงใจมาก จนถึงขั้นยึดมั่น ถือมั่นทีเดียว ยืดหยุ่นไม่ค่อยเป็น คิดและทำอะไรก็ตามตรงทื่อไปหมด ไม่กล้าแหกกฎระบบระเบียบจนเกินไป ชีวิตถึงไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่บางครั้งจึงดูน่าเบื่อและแสนเซ็ง มีความขยัน ฉลาด แต่พลิกแพลงไม่เป็น เอาตัวไม่ค่อยรอด คุณเกิดมาเป็นนักปกป้องคุ้มครองคนอื่นมองโลกแบบตรงไปตรงมา ไม่เพ้อฝัน ขาดอารมณ์โรมานซ์ แต่ก็เป็นคนตลกจี้เส้น เพราะมองโลกในแง่ดีเรื่องเสียสละเพื่อคนอื่น คุณเป็นเจ้าชาย-เจ้าหญิงในเรื่องนี้เลยล่ะ ซื่อไปนิดเซ็งไปหน่อยแต่จริง ใจไม่มีใครเทียบได้เลย<br /><br />ผู้ที่เกิดเวลา 3 ทุ่มถึง 5 ทุ่ม</div>
<div>
คุณที่เกิดเวลาหมูอันเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน ทำให้คุณขี้เกียจนิด ๆเฉื่อยหน่อย ๆ คุณรักความเรียบง่ายไม่มากเรื่อง สุภาพอ่อนโยน ใจดี และอบอุ่น บุคลิกออกจะนุ่ม ๆ คุณมีจิตใจดี จริงใจ มีอารมณ์สุนทรีย์ รักดนตรี ศิลปะสวยงาม มีความโรมานซ์ในหัวใจ แม้จะพูดน้อย แต่เอาอกเอาใจเป็นเลิศคุณชอบแต่งตัวแบบผู้ดี๊ผู้ดี รสนิยมดี ชอบทำอาหารและ ชอบกินด้วย รูปร่างจึงออกจะแข็งแรงและสมบูรณ์ คุณเป็นคนใจกว้างและชอบให้อภัย หากถูกทำร้ายจะกลายเป็นหมูป่า สู้ถวายชีวิตความคิดและการกระทำจะเป็นแบบค่อยๆเป็นค่อย ๆ ไป รอบคอบใจเย็นจนกว่าจะมั่นใจนั่นแหล่ะถึงจะลุย ไม่ว่าคุณจะหญิงหรือชาย คุณจะเป็นแม่บ้านพ่อเรือน และรักครอบครัวมาก<br /><br />ผู้ที่เกิดเวลา 5 ทุ่มถึงตี 1</div>
<div>
เป็นเวลาของหนูคุณที่เกิดเวลานี้จะมีบุคลิกกระตือรือร้นร่าเริงปราดเปรียวสดใส แต่มีความระแวดระวัง ฉลาดหัวไว ไหวพริบดี ตรงไปตรงมาไม่มีเล่ห์เหลี่ยม บุคลิกท่าทางดูขรึม พูดน้อย เฉยชาแต่มีมารยาท รักเพื่อน มีความสุขในหมู่ เพื่อน ๆชอบช่วยเหลือและมีน้ำใจ จุดเด่นคือความขยันและสะสมเก่งคุณมักมีเงินสำรองช่อนไว้ไม่มีใครรู้หรอก ชอบวางแผนการเงิน ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย เป็นคนมีระเบียบ บากบั่นมุ่งมั่นสูง ปรับตัวเก่ง มีความรักแบบผู้ให้ รักบ้านรักครอบครัว แต่ก็รักอิสระ ไม่อยากถูกผูกมัดกว่าจะลงเอยกับใครสักคน คิดนาน คิดลึก จนผมหงอกเลยเชียวล่ะ<br /><br />ผู้ที่เกิดเวลาตี 1 ถึงตี 3</div>
<div>
เวลานี้เป็นเวลาของวัวทำให้คุณทำอะไรช้ากว่าชาวบ้านบุคลิกท่าทางแข็งแรงบึกบึน และอึดเป็นบ้าเลย เป็นคนเฉื่อย แบบใจเย็น ๆ โกรธยากแต่โกรธทีเหมือนระเบิดลง ข้อดีอยู่ที่มีความบากบั่นมีระเบียบ ขยันอดทนหนักแน่น อยู่ในจำพวกสมบูรณ์แบบนิยม ทำอะไรตรงไปตรงมา ไม่รู้จักปรับตัวไม่มีเล่ห์เพทุบายกับใครเค้าหรอก คุณน่ะทื่อตรง จนไม่ค่อยทันใคร ขาดอารมณ์ขัน ตลกก็ตลกแบบฝืดๆ โดยปกติเป็นคนอดทนมาก ไม่ชอบความรุนแรง การทะเลาะวิวาท เลี่ยงได้จะเลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้คุณจะเปลี่ยนร่างเป็นวัวกระทิงขวิดสุดฤทธิ์ทีเดียว<br /><br />ผู้ที่เกิดเวลาตี 3 ถึงตี 5</div>
<div>
คุณที่เกิดเวลานี้จะเป็นคนดวงแข็ง เพราะนี่เป็น เวลาเสือส่งผลให้คุณหุนหันพลันแล่น ก้าวร้าวเข้มแข็งและดูมีอำนาจ คุณมีจิตใจที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยว มั่นใจในตัวเองสูง แต่ขาดความรอบคอบ เพราะอารมณ์อยู่เหนือหัวใจ แต่ก็เป็นคนใจดี ชอบเสียสละใจกว้างไม่จุกจิกกับเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ มีความรับผิดชอบ ชอบฉายเดี่ยวไม่อยู่ติดที่ คุณมักจะมองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน ขี้โม้โอ้อวด หลงใหลเรื่องรักใคร่โรแมนติก ชอบเผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปชั่ววูบ มีความเซ็กซี่เป็นเสน่ห์ ส่วนตัวที่น่าดึงดูดใจข้อเสียมีแค่ไม่รู้จักยอมออมชอมบ้างขาวเป็นขาว ดำเป็นดำ จะหาสีเทาจากคุณน่ะยากเหลือเกิน</div>umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-52344923024658030212012-07-21T15:22:00.002+07:002012-07-26T17:30:16.384+07:00การอัดภาพขนาดรูปมาตรฐาน<br /> เราจะแบ่งโดยใช้อัตราส่วนของด้านยาวต่อด้านกว้างเป็นหลัก ซึ่งขนาดกระดาษที่ให้บริการในร้านอัดรูปนั้นมีหลายขนาด แต่จะมีสัดส่วนภาพอยู่ประมาณสี่ห้าแบบ ส่วนไฟล์ที่ได้จากกล้องถ่ายรูปดิจิตอลนั้น เกือบทั้งหมดจะมีสัดส่วนภาพอยู่เพียงสองแบบคือ 3:2 สำหรับไฟล์ที่ได้จากกล้อง DSLR หรือ 4:3 สำหรับไฟล์ที่ได้จากกล้องดิจิตอลคอมแพคหรือกล้องไมโครโฟร์เทิร์ด เพราะฉะนั้นถ้าเราเอาไฟล์จากกล้อง DSLR มาอัดรูปลงกระดาษที่มีสัดส่วน 3:2 เช่น 4"x6", 8"x12" หรือ 20"x30" เราก็จะได้ภาพที่เต็มไม่ถูกตัด ซึ่งพอจะสรุปได้ออกมาเป็นตารางด้านล่างนี้<br /><br />ขนาดกระดาษ (นิ้ว) สัดส่วนรูป (ยาว:กว้าง) <br /> 4"x6" 3:2<br /> 5"x7" 7:5<br /> 6"x8" 4:3<br /> 6"x9" 3:2<br /> 8"x10" 5:4<br /> 8"x12" 3:2<br /> 10"x12" 6:5<br /> 10"x15" 3:2<br /> 12"x15" 5:4<br /> 12"x16" 4:3<br /> 12"x18" 3:2<br /> 16"x20" 5:4<br /> 16"x24" 3:2<br /> 20"x24" 6:5<br /> 20"x30" 3:2<br /> 24"x30" 5:4 <br /> 24"x36" 3:2 <br /><br />การเตรียมไฟล์ให้ตรงกับขนาดที่จะอัด<br /> สูตรง่าย ๆ ในการกำหนดขนาดความละเอียดของไฟล์ให้พอดีกับขนาดกระดาษที่ลูกค้าต้องการอัด คือ ให้คูณ 300 เข้าไปในด้านกว้างและด้านยาว (นิ้ว) ของกระดาษที่ลูกค้าต้องการ ก็จะได้ขนาดของไฟล์ออกมาเป็นหน่วย pixels <br />ยกตัวอย่างเช่น<br />รูปขนาด 4"x6" นิ้ว ให้ทำไฟล์ด้านกว้าง 4" x 300 = 1200 pixels และด้านยาว 6" x 300 = 1800 pixels<br /><br />เลือกประเภทกระดาษ<br /> ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะอัดกระดาษมันหรือกระดาษด้าน กระดาษทั้งสองแบบนี้ให้สีสันสดใส และมีความคมชัดไม่แตกต่างกัน ความแตกต่างอยู่ที่กระดาษมันจะมีความมันวาวและสะท้อนแสง ส่วนกระดาษด้านนั้นเนื้อกระดาษจะมีเกรนที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวและแสงสะท้อนฟุ้งกระจาย ทำให้ภาพดูนุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย <br /><br /><div>
อ้างอิงข้อมูลจาก :<br />http://www.snowwhite.co.th</div>umakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5363876713403507070.post-88846698643462853482012-07-17T17:49:00.002+07:002012-07-26T17:56:46.104+07:00สัมภาษณ์... ณเดชน์ คูกิมิยะ... มาฝากชาวเฉลิมไทยโดยเฉพาะ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-uxtAy0JRQ9U/UAVAU98dPuI/AAAAAAAAGyg/KkUhCFcLNi4/s1600/314024_450700678296510_876908826_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="267" src="http://3.bp.blogspot.com/-uxtAy0JRQ9U/UAVAU98dPuI/AAAAAAAAGyg/KkUhCFcLNi4/s400/314024_450700678296510_876908826_n.jpg" width="400" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
credit : กระทู้ สัมภาษณ์... ณเดชน์ คูกิมิยะ... มาฝากชาวเฉลิมไทยโดยเฉพาะ โดย คุณปลาดาว ห้องเฉลิมไทย Pantip.Com<br />
<br />
ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีโอกาสได้คุยกับพ่อหมีน้อย ณเดชน์ คูกิมิยะ เพราะหนึ่งไม่คิดว่าจะคุย สองไม่รู้จะคุยอะไร มันเขิลลล พี่ไฟขา เอิ๊กๆ แต่พอดีว่ามีธุระต้องติดต่อเรื่องงานกับ "คุณเอ ศุภชัย" ก็เลยโทรหา พอดีบ้านเรา 2 คนอยู่นครศรีธรรมราชเหมือนกันก็เลยคุยกันถูกคอ ทีนี้พอคุยกันเรื่องงานเสร็จแล้ว ก็เมาท์มอยกันต่อถึงกระแสเรตติ้งละครดวงใจอัคนี คุยไปคุยมา จขกท.ก็นึกขึ้นมาได้ว่า จริงๆ แล้ว นี่ ณเดชน์ สะกดยังไง สงสัยมานานแล้ว ก็เลยถามคุณเอไปว่าชื่อของบักแบร์ที่ถูกนี่สะกดยังไงกันแน่ เพราะเห็นเขียนกัน 2 แบบตลอด<br />
<div style="text-align: center;">
<span style="background-color: white;">ณเดช หรือ ณเดชน์</span></div>
ตัวเอง ในฐานะที่เรียนรุ่นพี่น้องญาญ่ามา คิดว่า น่าจะเป็น " ณเดช" มากกว่า "ณเดชน์" เพราะ.. เดช (เดชะ-เดโช ) หมายถึง อำนาจ ความร้อน ไฟ ส่วน เดชน์ (เดชนะ) หมายถึง ลูกศร ชื่อของณเดชน์จึงควรสะกดว่า ณเดช จึงจะถูกต้อง มีความหมาย พอถามความหมายไปปุ๊บ คุณเอเงียบไปแป๊บนึงแล้วก็ร้องตะโกนถามว่า<br />
"ณเดชน์ ชื่อมี น.หนู การันต์ มั้ย พี่ปลาดาวเขาถาม" <br />
อะจ๊าก ไม่นึกไม่ฝันว่าสุดหล่อของเราจะนั่งอยู่แถวนั้น ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงคุณเอบอกอีกว่า<br />
"ณเดชน์มาคุยกับพี่เขาหน่อยเร้ว"<br />
ทุกอย่างหยุดนิ่งเหมือนโลกหยุดหมุน เมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆ นุ่มๆ ว่า<br />
"สวัสดีครับ พี่ปลาดาวครับ ณเดชน์ครับผม"<br />
กรี๊ดดด ขอบอกว่า น้องเสียงหล่อมั่ก ที่สำคัญออกเสียงควบกล้ำชัดเปรี๊ยะทั้งๆที่นี่ไม่ใช่การคุยแบบเป็นทางการ ที่สำคัญกว่าคือน้องพูด "ครับผม" ด้วย โอย แพ้คนพูดคำว่าครับผม ได้ยินแล้วแทบหลอมละลาย เสียงอย่างนี้ไม่มีทางเป็นณเดชน์ตัวปลอมเด็ดขาด ว่าแต่เราจะได้คุยกับพ่อหมีน้อยจริงๆ หรือเนี่ย เอิ๊กกก จะเป็นลม<br />
<br />
พอณเดชน์คนหล่อเมดอินขอนแก่นรับสายด้วยสุ้มเสียงที่ทำให้คนแก่หัวใจจะวายแล้ว อิช้านก็ตั้งสติอยู่เป็นครู่ ก่อนจะทำเสียงแอ๊บแบ๊วพูดว่า<br />
- สวัสดีครับผม ณเดชน์ครับ ชื่อที่สะกดที่ถูกต้องของน้องนี่ เขียนยังไงครับ (แกล้งทำเสียงเป็นงานเป็นการ แต่ในใจนี่สั่นพั่บๆ เอิ๊กๆ )<br />
ณ เณร สระเอ....ดอ เด็ก <br />
<br />
- เอ่อ ไม่ต้องๆๆ จัดเต็มขนาดน้านครับ พี่อยากรู้แค่ว่ามันมี น การันต์ หรือไม่มีครับ<br />
มี ครับผม "นะ-เดด" ของแท้ต้องมี น การันต์ ด้วย สะกดว่า "ณเดชน์" ครับ <br />
<br />
-แล้วชื่อนี้แปลว่าอะไรครับผม<br />
แปลว่า ที่ที่มีฤทธิ์มีเดชไ ประมาณนั้นครับผม แต่ถ้าใช้คำว่า เดช เลย มันจะดูแรงไป ก็เลยมี น์ มาช่วยทำให้มันซอฟท์ลงครับ<br />
<br />
- ณ (นะ) ในที่นี้แปลว่า ที่ ใช่หรือเปล่าครับ<br />
ใช่ครับผม ปกติ ณ จะอยู่หน้านามสกุล เช่น ณ เชียงใหม่ แต่แม่เอา ณ มาวางไว้หน้าชื่อผม<br />
<br />
- ที่ต้องเขียนติดกันเพราะทางการเขาไม่ให้วรรคเป็น "ณ เดชน์" ใช่หรือเปล่าครับ<br />
ใช่ครับ เลยต้องเขียนติดกัน<br />
<br />
- ชื่อเพราะมากเลย ความหมายก็ดีมาก แถมยังโดดเด่นเป็นสง่าดีด้วย แล้วถ้าสมมุติว่ามันเป็นกาลกิณีล่ะ หรือมีคนมาบอกว่ามีชื่ออื่นที่ดีกว่าชื่อนี้ หรือจะทำให้เราเจริญกว่าชื่อนี้ล่ะ ณเดชน์จะเปลี่ยนชื่อไหม<br />
ไม่เปลี่ยนหรอกครับ ตั้งแต่ผมเกิดมาผมก็ใช้ชื่อนี้มาตลอด ไม่เคยเห็นเกิดอะไรไม่ดีกับผมเลย ตรงกันข้ามกลับมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นตลอด ผมว่าคนเราจะดีหรือไม่ดีไม่ได้อยู่ที่ชื่อ แต่อยู่ที่การกระทำมากกว่าครับผม อีกอย่างชื่อนี้ ผมว่าก่อนที่พ่อแม่จะเลือกมาตั้งให้ผม ท่านก็คงจะเลือกชื่อที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้วเพราะคงไม่มีพ่อแม่คนไหนเอาสิ่งที่ไม่ดีมาให้ลูกตัวเองหรอกนะครับ <br />
<br />
- เอ แล้วทำไมไม่ใช้ชื่อ แบรี่ เข้าวงการล่ะครับ<br />
ผมชอบชื่อณเดชน์ครับ ชื่อนี้จำง่าย บอกใครทีเดียว คนนั้นก็จำได้ อีกอย่างผมเป็นคนไทยก็เลยชอบชื่อไทยๆ ครับผม <br />
<br />
- ณเดชน์ครับ เว่าอีสานจังซี่บ่กลัวไผจะว่าเป็นพระเอกเสี่ยวบ่ (ขออภัยที่ใช้คำว่า "เสี่ยว" ค่ะ จริงๆ รากศัพท์แปลว่า เพื่อน แต่ตอนนั้นคิดคำไม่ออก เพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่ได้คุยกับณเดชน์ตัวเป็นๆ เอิ๊กๆ ) <br />
บ่กลัวครับ ผมบ่เคยอายที่เป็นนักแสดงพันธุ์ข้าวเหนียว (หัวเราะ) ผมภูมิใจด้วยซ้ำที่ได้แสดงความเป็นลูกอีสานให้ทุกคนเห็น มันเป็นตัวตนของผม เป็นรากเหง้าของผมครับ<br />
<br />
- ปกติคนอีสานเว่าไม่ค่อยมี ร เรือ ล ลิง คำควบกล้ำ ขอชมว่าณเดชน์เว่าชัดหลาย ในดวงใจอัคนี ทั้งเรื่องมีคำเดียวที่ณเดชน์เว่าบ่ชัด (คำว่าไม่รู้ ก่อนจะพูดคำว่าเลือดย้อย)<br />
โอ้ ผมต้องฝีกครับ ไม่งั้นจะตกลาว (แปลว่าหลุดพูดภาษาอีสานออกมา) นอกจากฝึกออกเสียง ร ล แล้ว ต้องฝึกสำเนียงคนภาคกลางและต้องฝึกการแบ่งวรรค การเน้นเสียง ฯลฯ ด้วยครับผม<br />
<br />
- เป็นพระเอกแล้วรั่วอย่างนี้ ไม่กลัวคนเสื่อมความนิยมเหรอ<br />
ผมเป็นอย่างนี้ละครับ มันเป็นธรรมชาติของผม ถ้าจะให้ผมฟอร์มทำขรึม ผมก็ทำไม่ได้ คือผมมีอาชีพเล่นละครอยู่แล้ว จะมาทรมานให้ตัวเองต้องเล่นละครซ้อนละครอยู่อีก มันก็คงไม่ใช่ตัวผมและผมก็คงไม่มีความสุขที่ต้องฝืนตัวเองเพื่อคนอื่นครับผม<br />
<br />
- ยินดีด้วยครับผมที่ดวงใจอัคนีประสบความสำเร็จมากๆ ตอนนี้สาวๆ ที่ไหนก็อยากจะเป็นผู้หญิงของนายอัคนีกันทั้งนั้น....รวมทั้งพี่ด้วย (ประโยคหลังสุดเก็บไว้ในใจ มิกล้าเอื้อนเอ่ยออกไป กลัวน้องมันจะไก่ตื่น เอิ๊กๆ )<br />
ขอบคุณมากครับผม ผมจะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีกว่านี้ครับ เรื่องนี้ที่ประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่เพราะผมคนเดียว เป็นเพราะทุกคนในทีมร่วมแรงร่วมใจช่วยกันครับ ผมเองก็แค่ฟันเฟืองเท่านั้น แต่ผมก็ทำหน้าที่ฟันเฟืองของผมอย่างเต็มที่สุดความสามารถทีมีครับผม<br />
<br />
- เห็นตอนแรกปรึกษาพี่อั้ม อธิชาติว่าเล่นแล้ว "ยังไม่รู้สึก" แล้วตอนไหนที่เล่นแล้ว "รู้สึก"<br />
มันค่อยๆ อิน ค่อยๆ อินครับ เล่นๆ ไปแล้วอารมณ์มันจะได้เอง ผมก็คิดว่าตัวเองเป็นอัคนีจริงๆ แล้วน้องญาญ่าก็เป็นจี๊ดจริงๆ<br />
<br />
- แล้วรู้สึกกับน้องญาญ่าหรือเปล่า<br />
รู้สึก เอ่อ รู้สึกอินในบทมากกว่าครับผม (แน่ะ ไหวตัวทันซะนี่)<br />
<br />
- ในเรื่องอัคนีรู้สึกรักจี๊ด แล้วณเดชน์ล่ะรู้สึกรักญาญ่าหรือเปล่า<br />
พี่ก็ (หัวเราะเขินๆ ) เราเป็นแค่พี่น้อง เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันครับ (แหมๆ ถ้าแอบชอบเขาอยู่ จะกล้าบอกว่าแอบชอบเหรอ ใครมันก็ต้องตอบแบบนี้ทั้งนั้นละว้า)<br />
<br />
-ทำงานกับน้องญาญ่าเป็นไงบ้าง (รีบเปลี่ยนเรื่อง เดี๋ยวค่อยต้อนใหม่ 555)<br />
ไม่มีปัญหาเลยครับ น้องเขาเต็มที่ สปิริตสูงมาก ที่สำหคัญน้องเขาน่ารักดีครับ เป็นผู้หญิงเก่ง เล่นละครก็เก่ง เรียนก็เก่ง <br />
<br />
- แล้วณเดชน์ไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้เหรอ<br />
พี่ก็ (ปลายสายเงียบ ยิ้มอยู่คนเดียวหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอิ๊กๆ )<br />
<br />
- ไม่ต้องเขินหรอก ที่คนอยากให้ณเดชน์กับน้องญาญ่าเป็นแฟนกันจริงๆ นอกจอก็เพราะน้องทั้งสองคนแสดงได้เนียนจนคนดูอิน ถ้าเขาไม่อิน เขาก็ไม่เชียร์กันหรอก อันนี้เขาเห็นเคมีตรงกันเขาก็เลยชอบอยากให้สปาร์กกันจริงๆ (ใจจริง พี่อยากจะให้มาสปาร์กกับพี่มากกว่านะ อ๊ายยยยย)<br />
ผะ ผะ ผม ขะ เข้าใจครับ ขะ ขอบคุณทุกคนที่อินและช่วยลุ้น<br />
<br />
- แล้วพอจะเป็นไปได้หรือเปล่า ที่ณเดชน์จะชอบพอกับญาญ่า<br />
อ๋อ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของอนาคตครับ พี่ครับ (ตอบตามสูตรอีกแล้ว)<br />
<br />
- แหม พรุ่งนี้ก็เป็นอนาคตแล้ว ปัจจุบันก็คืออดีตของอนาคตนะครับผม (อิอิ )<br />
พี่ก็ น้องเขายังเด็ก ผมเองก็ยังเด็ก ยังไม่อยากคิดอะไรครับ ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า<br />
<br />
- ถ้าเราไม่ทำปัจจุบันก่อนแล้วอนาคตจะดีเหรอครับผม<br />
(หัวเราะแฮ่ะๆ)<br />
<br />
- ถามจริง ไม่หวั่นไหวบ้างเหรอ คนดูเขายังจิ้นเลย แล้วตัวเองใกล้ชิดน้องเขาขนาดน้าน ไม่อือฮึอาฮะบ้างเหรอ<br />
เอ่อ ไม่หรอกครับ มันเป็นการแสดง ผมสงสารน้องเขามากกว่า แล้วก็เกรงใจคุณแม่น้องมากๆ ด้วย ผมพยายามช่วยเซฟน้องเขาเต็มที่ และพยายามตั้งใจเล่นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเล่นหลายเทคครับผม (แน่ะ ยังคงตอบตามคอนเซ็ปต์ ถ้างั้นต้องเอาให้เข็ด เอิ๊กๆ )<br />
<br />
- แหม แต่ที่พี่เห็นเป็น "ณเดชน์ขอสอง" ตลอด เขาให้หอมทีเดียว เห็นเดี๋ยวหอมเดี๋ยวหอม (พี่หึงนะ 555 อันนี้ก็คิดในใจ เอิ๊กๆ )<br />
(ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ) เป็นไปตามบทครับ บทมันลื่นไหลไป ผมก็พยายามแสดงให้เป็นธรรมชาติของคนที่รักกันครับ<br />
<br />
-ธรรมชาตินี่ของใคร ของไฟหรือของณเดชน์<br />
(หัวเราะ) <br />
<br />
- แหม อินเนอร์แรงเนอะ <br />
(หัวเราะ) <br />
<br />
- รู้ตัวหรือเปล่าว่าในพันทิปนี่ฮอตมาก<br />
พอรู้ครับ ได้เข้าไปอ่านเหมือนกัน บางทีก็มีคนก๊อปมาให้อ่าน ดีใจมากเลยที่ส่วนใหญ่จะเป็นฟีดแบคในทางที่ดี<br />
<br />
- มีสาวๆ ตั้งกระทู้ถึงเยอะจนเว็บแทบล่ม พี่เองยังตั้งเลย (อุ๊บ หลุดปากไปแล้วทำไงดี ถ้าน้องมันจำได้ว่าเราตั้งนามสกุลให้มันว่า "ของกูนะยะ" น้องมันจะคิดยังไงกับเราเนี่ย เอิ๊กๆ ) <br />
ขอบคุณครับผม ขอบคุณทุกกำลังใจเลย ขอบคุณแฟนคลับ แฟนละคร ที่ช่วยทำให้ผมมีกำลังใจจนสู้มาถึงวันนี้ได้ จากพระรองที่เล่นละครแบบงูๆ ปลาๆ ไม่รู้อะไรเลย จนมาถึงดวงใจอัคนี้ได้ ผมขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสและที่สำคัญคือขอบคุณคนดูที่ให้โอกาสตัวผมเองได้พิสูจน์ฝีมืออีกครั้งครับผม<br />
<br />
- สาวๆ พันทิปฝากบอกว่า ณเดชน์ เล่นเป็น ไฟ ได้ดี จนคิดว่าณเดชน์ไม่ได้แสดง แต่ณเดชน์เป็นไฟจริงๆ<br />
ขอบคุณคร้าบบบบผม ไฟนะครับ ไม่ใช่ฟาย (หัวเราะ)<br />
<br />
คุยกันนานพอสมควร 555 ผู้หญิงยิงไฟอย่างอิช้านก็เลยพูดตัดบทณเดชน์ไปว่า (สาบานให้ฟ้าผ่าตาย อิช้านตัดบทณเดชน์จริงๆ เล่าให้ใครฟัง ใครก็ว่า อิช้านโม้ มีแต่คนคิดว่าคนตัดบทคือณเดชน์ต่างหาก ) <br />
<br />
- ณเดชน์ครับ พี่รบกวนแค่นี้ก่อนนะ (หักห้ามใจสุดๆ เอิ๊กๆ ) พอดียังคุยกับคุณเอไม่เสร็จ รบกวนมารักกัน (ตู๊ดๆ กบว. ดูดเสียง) เอ๊ย รบกวนขอสายคุณเออีกหน่อยครับผม <br />
โอ้ ไม่ได้รบกวนเลยครับ สักครู่นะครับ พี่เอแต่งหน้าอยู่ ขอบคุณพี่มากเลยนะครับที่คุยกับผม ขอบคุณอีกครั้งครับ สวัสดีครับ<br />
<br />
อิช้านวางสายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกที ใจของอิช้านก็ไปอยู่กับณเดชน์เสียแล้วumakonoohttp://www.blogger.com/profile/06977797348437372218noreply@blogger.com0