เรื่องเด็ดๆ ของ ..."ณเดชน์"



credit : กระทู้EXCLUSIVE / HBD ย้อนหลัง : สัมภาษณ์ส่งท้าย / เรื่องเด็ดๆ ของ ..."ณเดชน์" เขียนเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2554 จากห้องเฉลิมไทย Pantip.Com

     เมื่อ 17 ธันวาปีที่แล้ว จำได้ว่าตัวเองนุ่งกระโจมอกถกกับ "สุดหล่อแบรี่" ที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำใหม่ๆ ตามที่เคยเขียนเล่าไว้แล้วก็นึกขำที่ทำไปได้ มาปีนี้ก็เลยไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก แต่มาแนวใหม่คือ ไม่ยุ่ง ไม่รบกวนน้อง ไม่ทำอะไรใดๆ กับน้องทั้งสิ้น ไม่แม้แต่จะอวยพรวันเกิด เพราะได้แบบอย่างมาจากคุณแม่แก้ว คุณแม่สามีที่บอกว่า
     " คนของเราเค้าเหนื่อยมาจากข้างนอกแล้ว เค้าตอบคำถามมาสารพัด เวลากลับมาบ้าน แม่ก็อยากให้ลูกสบายใจ ไม่อยากไปถามอะไรจุกจิกกวนใจเค้าอีก อยากให้เค้า "มีพื้นที่ส่วนตัว" ของเค้าบ้าง อยากให้เค้าได้หายใจบ้าง ถ้าเค้ามีอะไรอยากเล่า เดี๋ยวเค้าก็เล่าเองค่ะ"

- แม่คะ แล้วหนูกับคนที่รักน้องคนอื่นๆ จะอวยพรวันเกิดน้องยังไงดีคะ ถึงจะไม่รบกวนน้อง
     อธิษฐานจิตค่ะ แม่เองก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน วันเกิดปีนี้ลูกอยู่ไกล กว่าจะกลับบ้านมาให้แม่ชื่นใจก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว แม่ก็เลยใช้วิธีนี้ เพราะแม่คิดว่าแบรี่เขารับรู้ได้ ลองอธิษฐานจิตดูนะคะ เวลาเราส่งความรู้สึกดีๆ ถึงใคร ถึงแม้เขาจะไม่รับรู้ แต่เราก็มีความสุขที่ได้ตั้งใจอธิษฐานเพื่อคนที่เรารัก ลองทำดูนะ แล้วจะพบว่า การให้แบบนี้ มันมีความสุขกว่าจริงๆ



     วันที่ 5 ธันวาที่ผ่านมา ณเดชน์ต้องขึ้นเครื่องไปถ่ายทำธรณีนี่นี้ใครครอง ดังนั้นพอวันที่ 4 ธันวา เขาก็เลยพาคุณพ่อไปเลี้ยงฉลองวันพ่อล่วงหน้า 1 วัน
     " พาคุณพ่อไปกินอาหารญี่ปุ่นครับ คุณพ่อชอบกินอาหารญี่ปุ่น ก็เลยชวนคุณแม่พาคุณพ่อไปกินร้านอาหารญี่ปุ่นแถวบ้าน ปกติเวลาไปกินข้าวนอกบ้านกัน คุณพ่อจะเป็นเจ้ามือตลอด คุณพ่อไม่ยอมให้ผมจ่ายเลยทั้งๆที่ช่วงหลังมาผมมีรายได้แล้ว แต่มามื้อนี้คุณพ่อยอมให้ผมเป็นคนจ่าย และผมก็ภูมิใจมากครับที่ได้เป็นฝ่ายเลี้ยงคุณพ่อบ้าง หลังจากให้คุณพ่อเลี้ยงผมมาตลอดชีวิต"
       พอวันที่ 5 ธันวา ณเดชน์ได้บอกคุณแม่ให้เป็นธุระช่วยเตรียมพวงมาลัยไว้เพื่อกราบคุณพ่อในวันพ่อก่อนขึ้นเครื่องบินไปถ่ายละคร แต่บังเอิญคุณแม่มัวแต่ยุ่งๆ เรื่องจัดบ้านให้เข้าที่เข้าทางหลังจากขนย้ายของหนีน้ำเกิด "ลืม" ขึ้นมา ดังนั้น พอถึงเวลาจะกราบพ่อ ปรากฏว่าไม่มีพวงมาลัยดอกไม้ให้กราบ ......อ้าว แล้วทำไงดีล่ะ
       "(หัวเราะ) คุณแม่ลืมครับ พอผมถามหา คุณแม่ก็เลยนึกได้ ตอนนั้นหาอะไรไม่ทัน เพราะผมต้องไปขึ้นเครื่องแล้ว ก็เลยไปเอาดอกพุดที่ต้นหน้าบ้านมา แม่เอามาจัดเป็นพานขันธ์ 5 ให้ เสร็จแล้วก็เข้าไปกราบคุณพ่อ ผมก็อวยพรคุณพ่อว่า ขอให้ป๊ามีความสุข สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เสร็จแล้ว ผมก็ขออโหสิกรรมกับคุณพ่อ ผมบอกคุณพ่อว่า ถ้าผมทำอะไรที่ล่วงเกินคุณพ่อทั้งทางกายกรรม มโนกรรม วจีกรรม ก็ขอให้คุณพ่ออโหสิให้ผมด้วย คุณแม่ก็เลยบอกผมว่า "ป๊าฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจหรอก" ผมก็เลยเอาใหม่ ใช้คำภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ ให้คุณพ่อเข้าใจ แปลง่ายๆ ว่า ถ้าผมทำอะไรให้คุณพ่อไม่พอใจ เสียใจก็ขอให้คุณพ่อยกโทษให้ผมด้วย  พอผมพูดไป ผมก็นึกได้ว่ามันมีมั้ย ก็เลยถามคุณพ่อไปว่า " เอ๊ะ แล้วมันมีหรือเปล่าครับ" 
       คุณพ่อบอกไม่มีๆๆ ไม่มีอะไรที่ไม่ดี "เอเวอรี่ติง โอเค" แล้วคุณพ่อก็บอกผมว่า " ปาป๊ารักแบรี่ที่สุดนะ"
       แล้วแบรี่ละครับ บอกปาป๊าว่าไง อย่าคิดว่าคำตอบคือ.... "แบรี่ก็รักป๊าครับ" ....นะคะ เพราะคำตอบของณเดชน์คือ
       " ป๊าครับ ถ้าเกิดชาติหน้ามีจริง ขอแบรี่เกิดมาเป็นลูกของป๊าอีกนะครับ และแบรี่ขอเกิดเป็นลูกของป๊ากับแม่แก้วทุกชาติไป"
     คุณแม่กระซิบว่า  คุณพ่อน้ำตาร่วงเลยค่ะ



     จากวันพ่อ -มาถึง "วันเกิด" บ้างนะคะ ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรจะให้เขียนมาก แต่เห็นว่ามันมีแง่คิดที่ดีค่ะ เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง
     "วันเกิดผม ผมไม่ได้อยากได้ของขวัญอะไรจากพ่อแม่นะครับ พ่อแม่ให้มาเยอะแล้ว พอผมอายุ 20 ผมก็อยากเป็นคนให้ของขวัญวันเกิดของผมกับพ่อแม่บ้าง"

- ของขวัญชิ้นนั้นคืออะไรครับ
     " อยากให้เวลากับท่านครับ ทุกวันนี้แม่รอผมตลอด กลับตี 4 ก็รอจนถึงตี 4 ผมอยากอยู่บ้านกับพ่อกับแม่ให้ท่านได้หายคิดถึง ให้ได้ชื่นใจบ้าง แล้วถ้าเป็นไปได้ ผมอยากพาพ่อพาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ อยากให้ท่านมีความสุข เพราะสมัยก่อน ผมทำให้คุณแม่ต้องแยกกันอยู่กับคุณพ่อ แต่ก่อนคุณพ่อทำงานอยู่กรุงเทพฯ คุณแม่จะย้ายจากขอนแก่นมาอยู่ด้วยก็มาไม่ได้ เพราะถ้ามาก็ต้องเอาผมมาด้วย แต่พอมาแล้วผมก็อยู่กรุงเทพฯ ไม่ได้เพราะผมเป็นหอบ อากาศที่กรุงเทพฯ ไม่เหมาะกับคนเป็นหอบ คุณแม่ก็เลยตัดสินใจอยู่กับผมที่ขอนแก่น แล้วก็ผลัดกันเดินทางมาหากันกับคุณพ่อ ท่านทำอย่างนี้เป็นสิบๆ ปีเลยนะ "เพื่อผม"  ตอนนี้ผมมีความสุขมากครับ ผมมีความสุขที่เราได้อยู่บ้านเดียวกันทุกวันแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะมีเวลาให้ท่านน้อยลงจนบางวันไม่ได้เห็นหน้าท่านเลยก็ตาม แต่ผมก็มีความสุขกว่าแต่ก่อนตอนที่ต้องแยกกันอยู่ครับผม"



     เป็นที่รู้กันว่าพ่อหมีของเรานั้น "ล่ำ" ขึ้นตอนท้ายๆ เรื่องเกมร้ายเกมรัก ตอนนั้นพ่อหมีปรารภว่า
     "ผมอ้วนอะ พี่ว่าผมอ้วนหรือเปล่าครับ"

- พี่ว่าไม่อ้วนหรอก
     "อ้วนครับอ้วน เดี๋ยวตอนท้ายเรื่องจะยิ่งอ้วนเข้าไปอีก"

- ไม่อ้วนนะ หน้าก็ยังเล็กๆ อยู่ ขนาดพี่ดูทีวีจอ 53 นิ้ว หน้าก็ไม่บานนะ
     555 หน้าไม่บานครับ แต่ตรูดบาน  ผมอะกินยังไงก็ไม่อ้วน ไม่ออกแก้ม อาจจะเป็นเพราะผมดัดฟันด้วย แต่พออ้วนแล้วมันไปลงที่ก้น แล้วอีกอย่างผมขี่จักรยานออกกำลังกายทุกเช้า สงสัยก้นจะใหญ่เพราะขี่จักรยาน (หัวเราะ)

- มิน่าล่ะ ใส่สูทแล้วตุง เอ๊ย ตึงเชียว
      5555 สูทเกือบปริเลยครับ ชุดมันฟิตมาก ฟิตทั้งล่างฟิตทั้งบน ผมหายใจไม่ออกเลย แล้วพี่แอ้วก็ใจร้ายมาก จัดเต็มให้ผมใส่สูทเกือบตลอดเรื่อง จะให้ผมถอดสูทออกก็เฉพาะตอนที่มีฉากอุ้มน้องญาญ่าเท่านั้น เพราะแกกลัวสูทจะขาด (หัวเราะ) แกกลัวผมจะไม่หล่อ แต่ผมทั้งร้อนทั้งอึดอัดเลย  ถามว่าในเรื่อง ผมชอบใส่ชุดไหนที่สุดเหรอครับ 5555 ไม่ใช่กางเกงเลของสายชล แต่เป็นตอนนุ่งโสร่งครับ ใส่แล้วลมมันเย็น หายใจโล่งไม่เหมือนตอนใส่สูทที่หายใจไม่ออกเลยครับ"

- เห็นบอกว่าลดน้ำหนักมากแล้วคุมไม่อยู่เหรอครับ
        ครับ ผมลดลงไปแล้วมันตีกลับครับ ถ้าไม่อยากให้กลับมาอ้วนอีก ต้องค่อยๆ ลดครับ อย่าลดแบบโหมทีเดียว เพราะการลดแบบนี้มันไม่ยั่งยืน แต่มันจะทำให้โยโย่ครับ ที่สำคัญคือ พอลดแล้วมันโหยตลอดเวลา พอดีช่วงนั้นผมสอบด้วยครับ ผมอ่านหนังสือดึก แถมยังทำงานเยอะด้วย บางวันก็เลิกดึก เลิกเสร็จก็กิน กินเสร็จก็นอน พอไปกองถ่าย อาหารกองอร่อยอีก ผมก็ซัดเข้าไปอีก ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น แต่ตอนนี้ผมเริ่มยุบลงแล้วนะครับ เพราะผมพยายามออกกำลังกายให้มากกว่าเดิม ถ้าอยู่บ้านก็มีว่ายน้ำ วิ่ง แล้วก็ขี่จักรยานครับ

ครับ เชื่อครับ เพราะพี่เห็นใครบางคน "ถอดเสื้อ" ขี่จักรยานทุกเช้าเลย อิอิ  ว่าแต่ไปอังกฤษกลับมา คิดหาวิธีลดไว้ล่วงหน้าด้วยเลยนะคร้าบบบบบโผมมมม



     ใครได้ดูรายการ "ราตรีสโมสร" ตอนที่พ่อคุณพ่อทูนกระหม่อมเต้นท่าลูบเป้าแบบไมเคิล แจ๊คสัน และคลิปรายการตะลุยกองถ่ายที่พ่อเต้นท่า "เด้อนาง เด่อ เด้อเด้อนางเด่อ ตับๆๆๆๆๆๆๆ" แล้วคงจะอมยิ้มกับความน่ารักน่าชังของพ่อไม่น้อย ดังนั้นวันนี้จะมาล้วงความลับเรื่องนี้ของณเดชน์กันค่ะ

       "ผมชอบเต้นแบบไมเคิล แจ๊คสันมาตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านนี่ พอคุณแม่เห็นว่าชอบ คุณแม่ก็ไปซื้อวีดีโอคอนเสิร์ต+มิวสิกวีดิโอของไมเคิลมาให้ดู มีเต็มบ้านเลยครับ ผมดูแล้วผมก็ฝึกเต้นตาม เรียกว่าเต้นซะพลิ้วเลยแหละ แต่ว่าตอนหลัง คุณแม่มาขอร้องให้เลิกเต้นครับ"

- อ้าว ทำไมละครับ พี่ก็เห็นเต้นเก่งดีนี่ พอดนตรีขึ้นปุ๊บ ขาก็ขยับเข้ากับจังหวะยังกับเป็นมืออาชีพเลย
     คุณแม่ขอให้เลิกครับ พี่ไปถามแม่เองละกันครับว่าทำไมถึงให้เลิก (หัวเราะเขิน)

พอไปสอบถามคุณแม่ คุณแม่หัวเราะขำ ก่อนจะเล่าว่า
      " ที่เห็นในรายการน่ะน้อยไปค่ะ ปกติถ้าเค้าอยู่ในแวดวงคนที่สนิท+สนุกกันจริงๆ เขาเด้งยิ่งกว่านั้นอีก คนนี้ยิ่งยุยิ่งขึ้น (หัวเราะ) ตอนนั้นเขาชอบท่าลูบเป้าแล้วเด้งนี้มาก เต้นทุกวัน ยิ่งเต้นยิ่งเด้ง ทีนี้เขาก็เต้นมาเรื่อยจนเขา ม.3 แม่ก็บอกเค้าว่า
      "พ่อแบร์เอ๊ย พ่อเป็นหนุ่มแล้ว เต้นๆเด้งๆอย่างนี้แล้วมันไม่งาม มันไม่น่ารักเหมือนตอนเด็กๆ แล้วนะลูกนะ"
     พอแม่พูด เขาก็ฟังค่ะ แล้วนับแต่ตั้งแต่ ม.3 มา แม่ก็เพิ่งเห็นเขาเต้นอีกครั้งก็ในรายการ "ราตรีสโมสร" นี่แหละค่ะ เห็นแล้วก็ขำ นี่ขนาดเขาร้างมานาน เขายังเต้นได้พลิ้วขนาดนี้ เสียดายที่เขาไม่กล้าเด้งเหมือนตอนเด็กๆ ที่เด้งสุดๆ นะคะ ไม่งั้น ลูกชายแม่คงฮากว่านี้" (หัวเราะ)



       คราวนี้ก็มาถึงเรื่องที่ทุกคนรอคอยนะคะ แน่นอนค่ะ เป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากเรื่อง "หูแดง" ค่ะ  เรื่องนี้แค่ถามเจ้าตัวว่า ทำไมถึงหูแดง เจ้าตัวก็หูแดงแล้วค่ะ 5555 ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าจะได้คำตอบอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันจากพ่อคุณ เราไปหาคำตอบจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของหูเจ้าปัญหากันดีกว่านะคะ 

     คนแรกที่มาพูดถึงอวัยวะชิ้นนี้ของบอสชาร์ลส์จอมเกรียนของเราก็คือ พี่แอ้ว ผู้กำกับเกมรักเกมร้ายค่ะ
     " พี่ไม่เคยสังเกตเลยนะคะว่าเวลาเข้าฉากเข้าพระเข้านางแล้วณเดชน์จะหูแดง จนมีวันนึงมีทีมงานเมาท์กัน พี่ก็เริ่มสังเกต  มาเห็นได้ชัดที่สุดก็ตอนฉากที่อยู่บนเกาะ เป็นฉากที่เล่นน้ำตกอยู่กับแตลอย แล้วนางฟ้าแก้ผ้าลงมาเล่นน้ำด้วย ฉากนั้นณเดชน์ต้องถอดเสื้อ เลยทำให้เห็นว่านอกจากหูจะแดงแล้ว หน้าก็แดง หน้าอกก็แดง เรียกว่าแดงไปทั้งตัวเลยก็ว่าได้  ขนาดญาญ่าเอง ตามบทต้องพูดว่า "ทำไมสายชลต้องหน้าแดงด้วย" แต่ด้วยความที่ญาญ่าเขามืออาชีพ เขาปรับบทจากสิ่งที่เห็นตรงหน้าแล้วพูดเพิ่มว่า "ทำไมสายชลต้องหน้าแดงด้วย ดูสิหูก็แดง"  พี่เห็นว่าญาญ่าพูดมาจากความ "เรียลสุดๆ " พี่เลยซื้อไอเดียญาญ่า ไม่เทค ไม่คัท ไม่อะไรทั้งสิ้นค่ะ เอาตามที่น้องพูดเลย ถือว่าเอาอันที่อิมโพรไวซ์เลย อย่างนี้ผู้กำกับชอบ (หัวเราะ)  เรื่องณเดชน์หูแดงนี่ พี่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะความเป็น "หนุ่มน้อย" ของเขานั่นแหละ เขาคงเขิน แล้วพอเขินแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก ระงับความเขินไม่ได้ อย่างฉากที่โดนญาญ่าเดี๋ยวเข้าหาๆ ตอนอยู่เกาะ นั่นพี่คิดว่าเขาไม่ได้แสดงเลยนะคะ แต่พี่คิดว่าเขาเขินจริงๆ  เพราะถ้าเขาไม่เขินจริง หูก็คงไม่แดงขนาดนั้น

     คนต่อมาก็คือคุณแม่น้องค่ะ พอพูดถึงเรื่อง "หูแดง" คุณแม่บอก
     " โอ๊ย พ่อคนนี้เขาแดงเป็นธรรมดา เพราะเลือดลมเขาดี เขาเป็นลูกครึ่ง แล้วอีกอย่างคือตัวเขาขาวจ๊วะ ตอนเด็กๆ ผิวขาวเหมือนน้ำนมเลย แต่ตอนนี้ผิวเขาคล้ำ เพราะว่ายน้ำทุกวัน แถมยังไปถ่ายทำที่ทะเลซะตัวดำจนกลายเป็นคนละคนอีก ถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาเขาหูแดง ตัวแดง มันจะไม่เป็นสีแดงระเรื่อแบบนี้ อันนี้ถือว่าเห็นไม่ชัดนะคะ ถ้าเป็นผิวปกติของเขา มันจะแดงแปร๊ดเหมือนลูกตำลึงสุก เห็นชัดแจ๋วเลยค่ะ
แล้วอาการแดงของเขานี่ ถือว่าเป็นเรื่องปกตินะคะ เวลาหนาวนี่จะปากแดง แดงแบบแดงจัดเลย ส่วนเวลาร้อนจะหน้าแดง ตัวแดง  แต่หูแดงนี่ไม่ค่อยเห็นนะคะ พ่อคนนี้ เขาไม่ค่อยอาย ใครยุให้ทำอะไรก็ทำ เป็นคนบ้ายุ ยุแล้วขึ้น ยุแล้วไม่มีเขินเลย แม่เองก็แปลกใจนะว่าคนพรรค์นี้มันขี้เขินได้ยังไง (หัวเราะ) ปกติไม่เคยเห็นเขินจนหูแดงเลย ถ้าเขาหูแดง แสดงว่าเขาไม่ปกติแล้วละค่ะ"

     แต่อย่างที่ป้าแจ๋วบอกว่า เราต้องเว้นพื้นที่ยืนให้น้องบ้างนะคะ เพราะว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้น้องเกร็งค่ะ จะเล่นจะหัวกันก็กลัวเป็นข่าว ก็กลัวโดนแซว ดังนั้นอย่าล้อน้อง อย่าจิ้นจนเกินงาม เห็นใจน้องด้วยนะคะ โดยเฉพาะน้องญาญ่า ณเดชน์ฝากมาบอกว่า
     "เห็นใจให้มากๆ เลยครับ สงสารน้อง อย่าให้น้องมาเสียเพราะผมเลยนะครับนะ "

ความคิดเห็น