ณเดชน์ คูกิมิยะ ...กับเรื่องลึกๆ ที่หลายคนไม่รู้



credit : กระทู้ EXCLUSIVE : สัมภาษณ์ ณเดชน์ คูกิมิยะ ...กับเรื่องลึกๆ ที่หลายคนไม่รู้ โดย คุณปลาดาว ห้องเฉลิมไทย Pantip.com

- ณเดชน์ครับ ณเดชน์มีวิธีดูแลจิตใจยังไง เวลาที่เกิดเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับตัวเอง
       แม่สอนผมตั้งแต่เด็กมาแล้วครับว่า ให้ทำตัวเหมือนกับต้นไม้ โดยให้เลือกว่าเราควรจะเป็นต้นไม้ต้นไหน การเป็น "ต้นไม้ใหญ่" ที่หยั่งรากแข็งแรงและมีร่มเงาให้นกกามาอาศัยได้ มันก็ดีกับตัวเรา แต่ถ้าเราทำตัวเป็นต้นไม้ใหญ่อยู่ตลอดเวลา บางครั้งมันต้านแรงลมได้ก็จริงอยู่ แต่ว่าถ้าลมมันแรงเป็นลมพายุ ต้นไม้ก็จะโค่นเพราะต้านทานแรงลมไม่ได้เหมือนกัน  ดังนั้นนอกจากจะฝึกให้ตัวเองเป็นต้นไม้ใหญ่แล้ว ผมยังต้องฝึกตัวเองให้เป็น "ต้นอ้อ" ที่ล้อลมได้ด้วย ถ้าเราเป็นต้นอ้อ ไม่ว่าลมจะพัดมาทางไหน ต้นอ้อก็สามารถลู่ไปตามลมได้ทุกทาง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องดูความเหมาะสมด้วยนะครับว่า เวลาไหนเราควรเป็นต้นไม้ใหญ่ เวลาไหนเราควรเป็นต้นอ้อ บางครั้งเราก็ต้องเป็นทั้งต้นไม้ใหญ่และต้นอ้อผสมกัน"

 - ณเดชน์มองเรื่องของความทุกข์ยังไงบ้าง เพราะเท่าที่เห็นณเดชน์มีความสุขตลอด
     ผมมองว่าความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดานะ ถ้าไม่มีความทุกข์ จะมีความสุขได้ยังไง ถ้าไม่รู้จักความทุกข์จะรู้จักรสชาติความสุขได้ยังไง ผมเองก็มีความทุกข์เหมือนกันนะครับ ไม่ใช่ไม่มี มนุษย์เราเกิดมาก็มีความทุกข์แล้วครับ เกิดมาดีๆ ก็มาถูกตบก้นให้ร้องอุแว้ๆๆ แล้ว (หัวเราะ)

     หัวข้อนี้ คุยถึงที่มาของชื่อพระเอกจอมเกรียนคนใหม่ล่าสุดนะคะ มีใครรู้บ้างไหมเอ่ยว่าชื่อ "ณเดชน์" นี้ไม่ใช่ชื่อจริงชื่อแรกในชีวิตของพ่อคุณเขานะคะ ในละครณเดชน์ชื่อว่า “สายชล” แล้วในชีวิตจริง ก่อนที่จะมาชื่อว่า ณเดชน์ หนุ่มน้อยคนนี้ก็มีชื่อที่มีคำว่า “ชล” เกี่ยวกับน้ำเหมือนกัน  เมื่อก่อน ณเดชน์ใช้ชื่อว่า “ชลทิศ” ค่ะ ชลทิศ แปลง่ายๆ ก็คือ ทางน้ำ ก่อนจะมาเปลี่ยนชื่อเป็น ณเดชน์ ตอนเรียนประมาณชั้น ป.4 ตอนแรกชื่อที่เลือกมาใหม่แทนชลทิศ คือ พลเดชน์ (พะ-ละ-เดด) แต่เมื่อไปหาพระที่ตั้งชื่อให้ ปรากฏว่ามีชื่อที่ทางคุณแม่และครอบครัวเตรียมไปกับชื่อที่พระตั้งไว้ให้นั้นตรงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ชื่อนั้นก็คือชื่อ "ณเดชน์" นั่นเอง  สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนชื่อเป็นเพราะเมื่อก่อนณเดชน์ป่วยบ่อย เรียกว่า 3 วันดี 4 วันไข้ก็ว่าได้ อีกทั้งก่อนเปลี่ยนชื่อยังประสบอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ชื่อ ชลทิศ ซึ่งแปลว่าทางน้ำ มองอีกความหมายนึง ก็แปลได้ว่า ไหลไปทั่ว เมื่อเปลี่ยนชื่อเป็น ณเดชน์ ซึ่งแปลว่า มีเดชในที่ที่อยู่หรือที่ที่ไป ก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ

     "ตอนนี้ไปไหนก็มีแต่คนเรียกผมว่าณเดชน์ๆ คนที่เคยเรียกแบรี่เมื่อก่อน บางคนก็เปลี่ยนมาเรียกณเดชน์แล้ว แต่ตอนหลังมา ชื่อของผมก็ถูกเปลี่ยนเป็นไฟขาบ้าง สายชลบ้าง บอสชาร์ลส์บ้าง ซึ่งผมชอบนะ ถ้าใครเรียกผมแบบนี้ แสดงว่าได้ดูละครที่ผมเล่นแน่เลย" (หัวเราะ)

     ในละครเห็นณเดชน์มีกล้ามน่ากิน+น่ากัดมากมาย อยากรู้จังเลยว่า อาหารที่ณเดชน์กินเป็นประจำคืออะไรเอ่ย

-กินอะไรเข้าไปจ๊ะพ่อคุณ หุ่นถึงได้น่ากินอย่างนี้ เอิ๊กๆ
     "ถ้าอยู่ที่บ้าน แม่ทำไข่ลวกให้กินวันละ 2 ฟองครับ กินทุกวันเลย แต่ถ้าวันไหนเบื่อไข่ลวก แม่จะทำไข่กระทะให้ แม่มีสูตรพิเศษซึ่งอร่อยมากเลยครับ แต่แม่จะไม่ทำไข่เจียวนะ เพราะไข่เจียวทำให้อ้วน  เมนูอาหารเช้าของผมส่วนใหญ่เลยก็จะเป็นไข่ 2 ใบกับสลัดผักครับ แต่ถ้าอยู่ตามกองถ่าย ผมกินอาหารเช้าที่ทางกองเตรียมไว้ให้ อะไรก็ได้ ง่ายๆ ครับ แล้วอาหารกองก็อร่อยด้วยครับ บางครั้งผมต้องวิดพื้นเพิ่มเพราะเผลอกินเกิน เดี๋ยวคนจะเห็นพุงของสายชล" (หัวเราะ)

     เรื่องสูงขอให้เห็นใจน้องด้วยนะคะ ตอนนี้น้องสูง 178 ที่จริงก็น่าจะโอเคแล้ว เรื่องสูงนี้มาจากคำบอกเล่าของคุณแม่น้องนะคะ จขกท.เห็นใจน้องเลยไม่ถามคำถามนี้กับน้องค่ะ คุณแม่เล่าว่า
     "เลือดของณเดชน์ไม่ค่อยดีเพราะเป็นเลือดผสม ทำให้เป็นคนแพ้ง่าย กินอะไรก็แพ้ ตอนเด็กๆ ณเดชน์กินอาหารของโรงเรียนไม่ได้เลย แม่ต้องทำไปส่งให้ตอนเที่ยงจนเรียนถึงชั้น ป.6 ครั้งหนึ่งแค่กินน้ำจากแก้วที่ไม่ใช่แก้วของตัวเอง ณเดชน์ถึงกับติดเชื้อไวรัสในปากถึงกับปากเน่า เลือดกบปาก รักษานานเป็นเดือนเลยกว่าจะหาย อีกอย่างคือ ณเดชน์มีโรคประจำตัวเป็นโรคหอบหืด ทำให้ต้องกินยา พ่นยาอยู่เป็นประจำ ซึ่งยาพวกนี้มีผลต่อการเติบโตของเด็กค่ะ แต่จะไม่พ่นก็ไม่ได้ คิดดูว่าอยู่ ม.4 แล้ว ณเดชน์ยังต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะโรคหอบเลย ตอนนี้ณเดชน์เพิ่งอายุย่าง 20 ทุกอย่างในตัวน้องยังเปลี่ยนแปลงได้อีก คุณแม่เองก็หวังว่าน้องจะยังสูงได้อืก แต่ถ้าไม่สูงแล้ว ก็เข้าใจสาเหตุที่มาค่ะว่าทำไม "

ประเด็นนี้ จขกท.ถามคุณแม่น้องว่า ถ้าอยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กๆ ต้องทำยังไง
     "ให้ลูกดูการ์ตูนภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กแล้วคอยอธิบายไปด้วยค่ะ แต่ถ้าคุณแม่คนไหนไม่เก่งภาษาอังกฤษก็ปล่อยให้เด็กดูไปตามธรรมชาติของเค้า ขอเพียงเลือกการ์ตูนให้เหมาะกับวัยของเด็ก เด็กจะเข้าใจเนื้อหาได้เอง และก็เป็นการฝึกภาษาอังกฤษไปด้วยในตัว เด็กอาจจะแปลไม่รู้เรื่อง แต่เค้าจะชินสำเนียงไปเองค่ะ อย่างณเดชน์แม่ก็เลี้ยงมาด้วยวิธีนี้เหมือนกันค่ะ"

- ณเดชน์ครับ เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้เกมร้ายเกมรักผ่านมาค่อนเกมแล้ว ไหวมั้ย ไหวหรือยัง
     (หัวเราะ) ไหวแล้วครับ ตอนแรกผมกังวลว่าจะไม่ไหวเหมือนกัน บ่นตลอดเลยว่า ไหวมั้ยเนี่ยๆๆ แต่ถึงจะไม่ไหวยังไง สุดท้ายผมก็ต้องพยายามทำให้มันไหวให้ได้ครับ  ตอนแรกที่กลัวจะไม่ไหว เป็นเพราะว่าผมยังสับสนกับคาแรกเตอร์ของตัวเอง สายชลนี่ยังโอเค เป็นชาวเกาะชาวบ้านๆ ที่ไม่แตกต่างไปจากตัวตนที่แท้จริงของผมมากนัก แต่ที่ผมกลัวก็คือ ผมเป็นคนอีสานแต่ต้องไปเล่นเป็นหนุ่มใต้แถมยังต้องเล่นเป็นชาวประมงซึ่งมันไกลตัวอีก แล้วอย่างนี้ผมจะเล่น "เอาอยู่" ให้คนดูเชื่อได้มั้ย แต่ด้วยบท ด้วยความมืออาชีพของพี่แอ้ว ผู้กำกับ กับพี่ดา ผู้จัด ด้วยความดีของฝ่ายเสื้อผ้าและฝ่ายโลเกชั่น ผมก็เลยผ่านการเป็นสายชลมาได้ครับ  อันนี้ผมพูดถึงเฉพาะสายชลคนเดียวนะครับ ไม่รวมกับตอนที่สายชลเล่นกับนางฟ้านะ อันนั้นก็ยาก ยากมาก ถ้าเรื่องนี้ไม่ใช่ญาญ่าเล่น ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า ผมจะเล่นออกมาเป็นยังไง จะเล่นแล้วออกมาเป็นแบบนี้แบบที่ทุกคนเห็นได้มั้ย (หัวเราะ) ที่ยากสำหรับผมอีกอย่างคือตอนเป็นชาร์ลส์ ผมไม่รู้จะถ่ายทอดความเป็นชาร์ลส์ออกมายังไงดี งานนี้ถ้าไม่ได้ผู้กำกับและการแต่งตัว การทำผม ฯลฯ เข้าช่วย ผมก็หนักใจเหมือนกันนะ ตอนเป็นชาร์ลส์ว่ายากแล้ว แต่ตอนเป็นชาร์ลส์ที่ต้องซ่อนความเป็นสายชลเอาไว้ไม่ให้คนอื่นรู้ยิ่งยากกว่าอีก คือบุคลิกตัวละครมันซับซ้อนมาก แค่จะทำแววตาให้ "รักแต่แค้น" นี่ ผมกุมขมับเลยนะ ยิ่งตอนเกรียนนี่ยิ่งยากเข้าไปใหญ่เลย

 - ถามจริงตอบตรงนะครับณเดชน์ ที่ว่ายากนี่เป็นเพราะว่าละครมันไม่สมจริง มันไม่สามารถทำให้นักแสดงอย่างณเดชน์เชื่อได้เพราะดูแล้วเป็น "นิย้ายนิยาย" หรือเปล่า
     มีส่วนครับผม บางฉากผมเล่นไปโดยที่ไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำ คือด้วยความที่ผมอายุยังน้อย ประสบการณ์ก็ยังน้อย ผมเลยไม่เข้าใจเรื่องบางเรื่อง อย่างนางเอกความจำเสื่อมนี่ ผมก็ต้องไปหาข้อมูลมาอ่านนะ ถึงเข้าใจ หรืออย่างทำไมพระเอกต้องเกรียนใส่นางเอก ผมก็ต้องทำความเข้าใจกับพัฒนาการของตัวละครเป็นสเต็ปๆๆ ไป  อีกอย่างคือผมมีชั่วโมงบินน้อย เพิ่งเล่นละครเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 3 เพิ่งได้เรียนรู้จากผู้กำกับมาแค่ไม่กี่คนจึงทำให้ผมเห็นว่ามีหลายฉากเลยที่ผมเล่นได้ไม่ดีเท่าที่ควร คือไม่ต้องมีคนมาบอกผมนะ ผมดูผมรู้เลยว่าฉากนี้ผมยังบกพร่องอยู่ มันน่าจะเล่นได้มากกว่านี้ หรือฉากนี้เล่นล้นไป ผมดูย้อนหลังซึ่งก็ไม่ค่อยมีเวลาได้ดูเท่าไหร่ก็ทำให้รู้เลยว่า ผมยังมีข้อที่ต้องเอาไปปรับปรุงอีกเยอะเลยครับ

 - แล้วฉากเข้าพระเข้านาง คิดว่าตัวเองเล่นดีหรือเปล่าครับ มีหลายเสียงบอกว่าเล่นสมจริงมากจนรู้สึกว่าเหมือนกำลังแอบดูคนเขาจู๋จี๋กันจริงๆ
     ไม่รู้เล่นดีหรือเปล่านะครับ ผมกับน้องก็เล่นไปตามที่ผู้กำกับกำกับนะ ตอนแรกผมก็นอยด์นะว่ามันเยอะไปมั้ย แอบเขินเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจเมื่อพี่แอ้วอธิบายว่าต้องปูพื้นพาร์ทเกาะให้แน่นว่านางฟ้ากับสายชลรักกันมาก ถ้าเกิดคนไม่เชื่อ ก็จะทำให้มีปัญหาไม่เชื่อต่อมาถึงตอนที่ชาร์ลส์โกรธแค้นนางเอกด้วยก็เลยต้องเล่นแบบจัดเต็ม (หัวเราะ)

- คิดว่าฉากสวีทบนเกาะ เซอร์วิสคนดูมากไปมั้ย
     ถ้าผมตอบในฐานะที่เป็นนักแสดง ผมก็จะตอบว่าทำตามที่ทางผู้จัดและผู้กำกับเห็นว่าเหมาะสม แต่ถ้าตอบในฐานะที่เป็นผมเอง ผมว่ามันก็นี้ดดนึงนะ (หัวเราะ) ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมเกรงใจน้องญาญ่าที่สุดเลย น้องเป็นผู้หญิงน้องเสียเปรียบนะ

- เห็นว่าพอสั่งคัท ณเดชน์จะพูดขอโทษน้องญาญ่าตลอด
     ขอโทษแม่ปลา (คุณแม่ญาญ่า) ด้วยครับ ผมจะขอโทษแม่ปลาด้วย แต่แม่ปลาดีมาก ปลอบผมบอก "ไม่เป็นไรๆ" ตลอด

- กับน้องญาญ่าเป็นไงบ้าง รู้สึกเรื่องนี้จะสนิทกันมากขึ้น ดูจากคอนเสิร์ตยำยำกับสตาร์แชทก็มีแบบหยอกล้อกันมากขึ้นด้วย
     ญ่าเป็นน้องที่น่ารักครับ ผมกับน้องก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไป

- เอิ่ม อะ อะอะไรนะครับ เรียนรู้อะไรกันเหรอ
     อ๋อ ผมหมายถึงเราก็เรียนรู้เรื่องการแสดงไปพร้อมๆกันครับ อย่างบางฉากเราก็ปรึกษากัน ช่วยกันคิดว่าจะเล่นออกมาเป็นยังไงดี จะว่าไปแล้ว นอกจากผู้กำกับ แอคติ้ง โค้ชและครูสอนการแสดงแล้ว น้องนี่ละครับที่ช่วยเรื่องการแสดงของผม น้องเป็นเครื่องส่งที่ดีมาก เครื่องรับอย่างผมก็เลยต้องรีบสปีดพัฒนาให้ทันเครื่องส่งอย่างน้อง

- ณเดชน์พูดถึงญาญ่าเหมือนบอยพูดถึงมาร์กี้เลย บอยเขาเปรียบมาร์กี้เป็นนักดนตรีคู่ใจของเขาที่เล่นเข้ากันได้ทุกจังหวะนะ แล้วณเดชน์ละครับ เปรียบญาญ่าเหมือนกับอะไร
     เปรียบกับอะไรเหรอ ไม่รู้จะเปรียบกับอะไรนะครับ ไม่อยากเปรียบด้วย สำหรับผม ญาญ่าก็คือญาญ่านะ

- อ่านข่าวเจอว่า ณเดชน์ให้สัมภาษณ์เจอว่าเบื่อญาญ่า จริงหรือเปล่า
     จริงครับ ผมให้สัมภาษณ์ไปจริงๆ แหละว่าเบื่อ แต่เบื่อของผม ผมเบื่อแบบแกล้ง แบบแซวเล่น ไม่ได้เบื่อแบบจริงๆ นะ แต่นักข่าวเขาเอาไปลงเป็นพาดหัว แล้วคำว่า "เบื่อ" นี่ เวลาเป็นตัวหนังสือ กับเวลาเราพูดมันต่างกันนะ แต่ผมก็เข้าใจพี่คนเขียนสกู๊ปนะครับ พี่เขาก็ต้องหาประเด็น

- จริงๆ แล้วเบื่อหรือเปล่าครับ เจอหน้ากันตลอด ไหนจะละคร ไหนจะโฆษณา ไหนจะอีเวนท์ ไหนจะกิจกรรมของสินค้า
     ไม่เบื่อหรอกครับ น้องน่ารัก บางทีก็โก๊ะๆ ผมมีความสุขที่ได้แกล้งน้องนะ ยิ่งถ้าได้อำน้องเรื่องภาษาอีสาน หรือภาษากลางที่น้องไม่รู้เรื่องนี่ ผมจะจิตมาก ยิ่งเห็นน้องปล่อยไก่ออกมา ยิ่งชอบ ไม่รู้เป็นไร (หัวเราะ)

 - ขอถามถึงฉากเมื่อคืนสักนิดนึง แหม ตอนต้นเรื่องหวานกันซะจนมีบางเสียงบอกว่าไม่เหลือไว้ให้ลุ้นท้ายเรื่องบ้างเลย แต่พอถึงฉาก "กะดึ๊กกะดึ๋ย"เพื่อปลุกความทรงจำนางฟ้าเมื่อคืน ทำไมถึงยืนเป็นอนุสาวรีย์กันอย่างนั้นละครับ
     (หัวเราะ) ก่อนที่จะพูดถึงฉากนี้ ก่อนอื่นผมต้องขอโทษด้วยที่ผมใช้คำแรงไปตอนที่ให้สัมภาษณ์ว่า "ข่มขืน" นะครับ ที่จริงมันก็ไม่เชิงข่มขืนหรอก แต่มันเป็นแบบทั้งรักทั้งแค้นก็เลยทำไปแบบนั้น ที่จริงผมใช้คำไม่ถูกครับ คำว่าข่มขืน ไม่ควรมีพระเอกคนไหนทำนะ คนที่ข่มขืนคนอื่นควรเป็นผู้ร้ายเท่านั้น คนที่ข่มขืนคนอื่นจะเป็นพระเอกได้ยังไง  หลายคนบ่นว่า ฉากนี้มีน้อยเกินไป (หัวเราะ) แต่สำหรับผมแล้ว ผมว่ามันก็สื่อออกมาได้ดีแล้วนะ คือทางผู้จัดก็ไม่อยากสื่อให้ออกมาดูรุนแรง เห็นผู้หญิงเป็นผู้ถูกกระทำอะไรทำนองนี้ แล้วผมกับน้องก็ยังเด็กกันด้วย น้อง 18 ผม 19 ย่าง 20ยังไม่บรรลุนิติภาวะกันเลย ทุกคนก็เลยช่วยกันเซฟครับ  แฟนๆ ละครนี่ดูกันละเอียดมากเลยนะครับ บางคนบอก อ้าว เข็มขัดยังอยู่ที่เอวบอสชาร์ลส์อยู่เลย (หัวเราะ) แล้วฉากนี้ผมก็ว่าผมเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่นะ ลองไปสังเกตดีๆ จะเห็นผมยืนกางขาเพื่อเซฟให้น้องญาญ่าตลอดด้วย ตอนที่ผมแสดง ผมไม่รู้หรอก มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่พอมาดูในละคร ผมก็เห็นนะว่าผมยืนกางขามากเลย (หัวเราะ)

- ณเดชน์ครับ พี่ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้ณเดชน์เดือดร้อน พี่จั่วหัวตั้งกระทู้แล้ว เขียนไม่เสร็จจนเป็นเรื่องขึ้นมา รวมทั้งในช่วงนี้ ห้องเฉลิมไทยมีกระทู้เกี่ยวกับณเดชน์เยอะมาก มีทั้งกระทู้ชม และกระทู้ที่ต่อต้านที่บอกว่าเบื่อกระทู้อวยณเดชน์ด้วย
       อย่าไปคิดมากเลยครับพี่ มีคนชอบก็ต้องมีคนชังเป็นธรรมดา บางครั้งเราก็ต้องแข็งต้องอ่อนไปตามสถานการณ์เหมือนกับต้นไม้ใหญ่กับต้นอ้อนะครับ จริงๆ แล้ว ถ้าตัดความเป็นนักแสดงออกไป ผมเองก็เป็นเด็กวัยรุ่นบ้านๆ ธรรมดาๆ คนนึงนะ คงจะทำให้ถูกใจใครต่อใครไปทุกคนไม่ได้ ใครที่ไม่ชอบผมเพราะผมแสดงละครไม่ดี ผมก็ขอโทษด้วย ผมจะพยายามปรับปรุงแก้ไขนะ แต่ถ้าใครไม่ชอบผมด้วยเรื่องอื่นๆ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน  ส่วนคนที่ไม่ชอบผมเพราะเห็นผมมีคนอวยเยอะ หรือมีกระทู้ที่เขียนถึงผมเยอะเกินไป ผมก็ขอโทษด้วยนะครับ อย่างที่บอก ผมเองก็เป็นแค่นักแสดงหน้าใหม่ เพิ่งก้าวจากพระรองมาเป็นพระเอก ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกเยอะ ก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไปนะครับ บางทีบอร์ดสาธารณะ ใครนึกอยากเขียนอะไรก็เขียนได้เลย คนเขียนนี่เขียนกันโครม ๆ ณเดชน์ๆๆๆ แต่คนถูกเขียนถึงก็ไม่รู้เลยครับว่าถูกเขียนถึง เรียกว่าไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยด้วยซ้ำ

     ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนะคะ ในเมื่อมันดราม่าแล้วก็ขอย้อนไปถึงตอนที่แม่ยก มีปัญหากัน ถึงกับมีคนแยกบ้าน ลาออกกัน ดูเผินๆ เหมือนน้องไม่ได้คิดอะไร แต่ลึกๆ แล้วน้องคิดค่ะ ไม่ใช่ไม่คิด อันนี้เก็บความมาจากคุณแม่นะคะ ไม่กล้าถามน้องตรงๆ
     "ไม่มีครั้งไหนที่ณเดชน์ไปไหนแล้วไม่ชะเง้อมองหาแฟนคลับ แต่บางที่หรือบางกองละครเขาจำกัดไม่ให้แฟนคลับเข้าไป จุดนี้แฟนคลับก็ต้องเข้าใจน้องด้วยนะคะ ส่วนเรื่องที่แฟนคลับมีปัญหากัน น้องเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนหมู่มากที่ย่อมมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่ลึกๆ แล้วน้องเสียใจมากเลยนะคะ "

- ย้อนกลับมาถึงบทบาทบอสชาร์ลส์ เท่าที่สังเกตพี่คิดว่าณเดชน์ใช้เสียงเข้าช่วยจนบางครั้งรู้สึกว่าเก๊กไปหรือเปล่า
     ใช่เลยครับ ที่ผมบอกว่าบางฉากผมเล่นได้ไม่ดีเท่าที่ควร เป็นเพราะเสียงผมมันไม่ไปด้วย แต่มันจะมีอยู่ไม่กี่ฉากหรอก ส่วนมากจะเป็นฉากที่ต้องเก๊กเป็นผู้บริหาร แต่ตอน "บริหารเสน่ห์" กับชมพูแพร ผมไม่เก๊กนะ (หัวเราะ)

- ส่วนมากการใช้เสียงดีนะ สามารถใช้เสียงกับคนแต่ละคนด้วยเสียงแต่ละเสียงที่ไม่เหมือนกันได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ยังใช้สายตาได้ดีด้วย มีคนพันทิปชมเยอะนะว่าใช้ตาได้ดี ดูตาปุ๊บก็ดูรู้ว่าคิดอะไรอยู่ โดยเฉพาะฉากที่มองฟ้าลดากับชมพูแพรที่ดูแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
     ขอบคุณที่เห็นนะครับ เรื่องนี้ผมใช้พลังเยอะเลยนะ แล้วตาผมใส่คอนแทคเลนส์ด้วย บางฉากที่ผมร้องไห้เล่นเอาทำให้แสบตาจากคอนแทคเลนส์เลย

- มีความรู้สึกว่า ฉากบนเกาะ ณเดชน์เรียลมาก เวลาญาญ่ามากอดดูแล้วเขินจริงอะไรจริง
     โอ้โห จะไม่เขินได้ไงครับ ก็ในชีวิตผม ผมก็มีแต่แม่เท่านั้นที่มากอด ผมไม่ชินกับการถูกผู้หญิงอื่นกอด ที่บ้านไม่มีธรรมเนียมแบบนี้ เลยเป็นไปไม่ได้เลยครับที่ผมจะไม่เรียล จะไม่เขิน"

- กับมิ้นต์ (ชมพูแพร) เป็นยังไงบ้าง
     พี่มิ้นต์เล่นเรื่องนี้ได้เก่งมากๆ ครับ ผมเจอพี่มิ้นต์มาตั้งแต่เรื่องเงารักลวงใจ ตอนนั้นต่างคนต่างก็ยังเด๋อๆด๋าๆ เพราะว่ายังใหม่ เพิ่งเล่นเรื่องแรกด้วยกันทั้งคู่ แต่มาเรื่องนี้พี่มิ้นต์เก่งมาก พี่มิ้นต์ส่งอารมณ์ให้ผม จนผมร้องไห้ออกมาได้เลย น่ารักมากๆ ครับ

- เรื่องนี้ เล่าให้ฟังเฉยๆ นะ มีคนมาบอกพี่ว่า อยากให้ณเดชน์แก้แค้นหมากที่เล่นเลิฟซีนกับญาญ่า โดยการให้มาเอาคืนกับมิ้นต์ในเรื่องนี้
     อืม เรื่องนี้ผมไม่มีความเห็นนะ เพราะผมสนิทกับทั้งพี่หมากกับพี่มิ้นต์ มันก็เป็นเรื่องของคนที่คิดกันไปนานาจิตตัง แต่ถ้าจะให้ดีผมว่านะ คิดอยู่ในใจดีกว่าพูดออกมานะครับ บางทีคนเราก็คิดไม่ทันความคิดของตัวเอง คือ ถ้ามันเป็นแค่ความคิด คนอื่นก็ไม่มีทางรู้ แต่ถ้าเราพูดสิ่งที่เราคิดออกมา คนอื่นก็จะรู้ถึงสิ่งที่เราคิด บางทีเราก็ต้องตามความคิดของเราให้ทันนะ ถ้าตามได้ทันแล้ว เราก็เอามาทบทวนว่าที่เราคิดแบบนี้เป็นการคิดที่ดีแล้วหรือยัง ถ้าคำตอบคือดีแล้ว และไม่เดือดร้อนคนอื่น คิดต่อไปเลยครับ ผมห้ามความคิดของใครไม่ได้อยู่แล้ว

     น้องรู้ธรรมะเยอะค่ะ เพราะว่าคุณแม่พาเข้าวัดตั้งแต่เด็กและยังใช้ธรรมะสอดแทรกเวลาสอนลูกด้วย แล้วอีกอย่างตอนที่คุณยายน้องป่วยเป็นอัมพาต น้องอ่านหนังสือธรรมะให้คุณยายฟังจนกระทั่งคุณยายสิ้นบุญค่ะ ยังมีเรื่องที่คุยกับแบบสัพเพเหระอีกหลายเรื่องเลยค่ะ รวมทั้งเรื่องธรณีนี่นี้ใครครองด้วย น้องตอบดีมากค่ะ แล้ววันนี้น้องก็ไปถ่ายโฆษณาเลย์ด้วย แต่น้องก็ยังอุตส่าห์ให้เวลาสัมภาษณ์นะคะ มีตอนนึงเราคุยกันเรื่องน้ำท่วมด้วย พอดีวันนี้เห็นว่าคุณแม่น้องขับรถจากขอนแก่นไปโคราชเลยถามน้องว่า

- เมื่อไหร่แม่จะกลับมาครับ
     อีกไม่กี่วันก็กลับแล้วครับ แม่เป็นห่วงบ้าน แล้วก็เป็นห่วงผมด้วย

- เห็นคุณแม่บอกว่า ณเดชน์เครียด ทำงานไม่ได้เลยถ้าคุณแม่กับคุณป๊าไม่ยอมอพยพหนีน้ำย้ายไปอยู่ขอนแก่น
     เครียดจริงครับ ผมทำอารมณ์เล่นละครไม่ได้เลยเพราะกังวล คิดเป็นห่วงพ่อแม่ไปสารพัด คิดไปไกลว่าถ้าอาหารหมดจะทำยังไง ถ้าเกิดว่าไม่สบาย เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา จะออกมาหาหมอได้ที่ไหน แล้วก็กลัวว่าถ้าไม่มีไฟฟ้าใช้ จะอยู่กันยังไง ...ชีวิตผมช่วงนี้อยู่แต่ในรถ ไปถ่ายละครที่กาญจนบุรี เชียงใหม่ หรือไม่ว่าจะที่ไหนผมก็ต้องคอยโทรเช็กว่าน้ำเข้าบ้านหรือยังตลอด ในที่สุดผมเครียดมาก ตัดสินใจบอกแม่เลยว่า ผมทำงานไม่ได้ ถ้ายังไม่เห็นแม่อยู่ในที่ที่ปลอดภัย แม่ก็บอกถ้าแม่ไม่เห็นผมอยู่ในที่ที่ปลอดภัย แม่ก็เครียดและไม่ยอมกลับเหมือนกัน สรุป ผมก็เลยย้ายไปอยู่ที่ที่ปลอดภัยให้แม่สบายใจ แต่ว่าส่วนมากไม่ค่อยได้อยู่หรอกครับ ตะลอนๆ ไปถ่ายละครตลอด ช่วงนี้เทคิวให้ได้เต็มที่เพราะมหาวิทยาลัยน้ำท่วม ปิดการเรียนอยู่ครับ

     " ผมขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ พันทิปที่บ้านน้ำท่วมนะครับ ขอให้สู้ๆ วิกฤตครั้งนี้จะผ่านไปด้วยดีถ้าใจเราสู้นะครับ และก็ขอถือโอกาสนี้ฝากความคิดถึงมาให้แม่ๆ ใน NY โฮมด้วย ขอบคุณชาว NY และชาวพันทิปที่ติดตามดูผมกับน้องญาญ่า และละครเกมร้ายเกมรักมากๆครับ ถ้ามีอะไรก็แนะนำผมมาทางพันทิปได้เลยนะ ผมยินดีรับฟังและเอาไปแก้ไขปรับปรุง อ้อ ผมรับฟังคำแนะนำแต่เรื่องงานนะครับ เรื่องอื่นไม่เกี่ยวนะ 555"

ความคิดเห็น